นี่คือเบื้องหลังที่เกิดขึ้นจากการโยกย้าย ผอ.ชลธี นุ่มหนู มือปราบทุเรียนอ่อน ขวัญใจเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก “ขุนพิเรนทร์” นั่งฟังแหล่งข่าวอยู่เกือบสองชั่วโมง ซึ่งร่ายยาวให้เห็นการเมืองภาคตะวันออก ลากยาวถึงการเมืองระดับประเทศ
แปลกแต่จริงที่ “เจ้” ไม่ใช่คนที่ถูกระบุว่าอยู่เบื้องหลัง แหล่งข่าวระบุตรงกันคือ “เฮีย” หรือ ชื่อที่เอ่ยออกมา ทุกคนจะร้องอ๋อ…พร้อมกับพูด กูว่าแล้ว เพราะ เคยมีวิวาทะกับผอ.ชลธี
นี่คือ..สิ่งที่แหล่งข่าวได้ถ่ายทอดออกมาในงานให้กำลังใจ ผอ.ชลธีเมื่อวานนี้…
ไอ้ขุนเคยบอก…เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว และผลที่จะตามมายากแก่การคาดเดา
เราเห็นแนวคิดและคำพูดจากตัวแทน 16 องค์กรแล้ว เราได้อ่านคำชี้แจงของทางต้นสังกัดคือกรมวิชาการเกษตรแล้วว่าเหตุและผลในการโยกย้ายเพื่ออะไร และไอ้ขุนนี่หละถามท่านอธิบดีแบบตรงไปตรงมาว่าท่านมีอะไรกับผอ.ชลธีหรือเปล่า คำตอบของท่านอธิบดีคือผมไม่ได้มีความขุ่นเคืองใดๆกับผอ.ชลธี ผมอยากได้ท่านมาช่วยงานมาตรฐานสินค้าเกษตร ถ้าท่านเข้ามาทำงานส่วนกลางจะได้ช่วยกรมวางระบบทั้งประเทศ นี่คือคำยืนยันจากต้นสังกัด
วันนี้ไอ้ขุนเดาทางไม่ยาก หากกระทรวงเกษตรฯไม่มีการยับยั้งหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่ง [ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง] ผอ.ชลธีเลือกเดินตามเส้นทางตัวเอง ทิ้งไว้กับตำนานมือปราบทุเรียนอ่อน
แต่สิ่งที่คาดเดาไม่ได้เลยคือ..แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับวงการผลไม้ไทย อย่าลืม ผอ.ผู้ที่จะไปใหม่ เคยเป็นหัวหน้าด่านท่าเรือแหลมฉบัง แล้วไปเป็นหัวหน้าด่านสระแก้ว พึ่งขึ้นเป็นผอ.กอง (อำนวยการสูง)เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์กับมือปราบทุเรียนอ่อน ไม่แปลกที่เกษตรกร ผู้ประกอบการ จะมีความกังวลถึงอนาคตผลไม้ไทย ยิ่งฟังผู้ประกอบการทางจีนปลายทางผลไม้ไทยแล้วยิ่งเข้าใจ
“ตั้งแต่ผอ.ชลธีนำทัพจัดการทุเรียนอ่อน ทุเรียนไทยได้รับการยอมรับมากขึ้น ค้าขายง่ายขึ้น เราเป็นห่วงว่าเมื่อไม่มีผอ.ชลธี จะมีทุเรียนอ่อน ทุเรียนด้อยคุณภาพเหมือนเดิม”
ทุเรียนไทย ผลไม้ภาคตะวันออกมูลค่าเป็นแสนล้านแต่รัฐเลือกย้ายระดับแม่ทัพออก แล้วเอาแม่ทัพที่ไม่เคยผ่านงานแบบรอบด้านมาคุม จะไหวหรือ นี่คือภาพที่สะท้อนจากงานเมื่อวานนี้
เมื่อกางข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร การส่งออก ผลไม้สด สะสมตั้งแต่ 1 ก.พ.- 20 ต.ค. 65 ส่งออกปริมาณ 1,490,880.50 ตัน มูลค่า 110,527.70 ล้านบาท
หากดูเฉพาะทุเรียน ส่งออก ทุเรียนสด สะสมตั้งแต่ 1 ก.พ. – 20 ต.ค. 65
ส่งออกปริมาณ 749,279.87 ตัน มูลค่า 79,325.15 ล้านบาท
และแน่นอน เกินครึ่งหนึ่งมาจากสวนผลไม้ภาคตะวันออก
ไอ้ขุนไม่ได้ไปตำหนิติเตือนใครหรอก ข้าราชการก็มีทางของเขา เกษตรกร ผู้ประกอบการก็มีทางตัวเองเช่นกัน
การย้ายผอ.ชลธี นุ่มหนู แม้จะสะเทือนใจใครหลายคน แต่ชีวิตข้าราชการเป็นแบบนั้น ระบบมันออกแบบมาแบบนั้น หลายคนกว่าจะโตก็ย้ายไปเรื่อยตำแหน่งไหนว่างก็เสียบไปเรื่อย หลายคนกว่าจะรู้ปัญหา กว่าจะหาทางแก้ กำลังจะวางระบบให้ยั่งยืนก็โดนย้ายก็มี
ผอ.ชลธี ไม่ถูกย้ายวันนี้แต่อายุราชการเหลืออีก 5 ปี ไม่โดนวันนี้ วันหนึ่งก็ต้องโดนอยู่ดี แม้ไอ้ขุนจะเสียดายอยากให้ผอ.ชลธีวางระบบเมืองหลวงผลไม้ วางระบบมาตรฐานผลไม้ภาคตะวันออกให้มั่นคงกว่านี้ก่อนย้ายก็ตาม
วันนี้…ทุกเรื่องมีความชัดเจน ผอ.ชลธีชัดเจน กรมวิชาการเกษตรต้นสังกัดชัดเจน ว่าที่ปลัดเกษตรฯ คนลงนามโยกย้ายก็ลงนามชัดเจน มีเพียงเงาดำๆของใครบางคนเท่านั้นที่ไม่ชัดเจน..ทำไปแล้วประเทศได้ประโยชน์อะไร❓
ส่วนใครอยากรู้จักนักการเมืองคนนั้น…ถามควายดำทำเกษตรดูนะครับ หรือถามคนที่ไปงานเมื่อวานนี้เขาพูดคุยถึงคนนี้เรื่องนี้กันทั้งงาน…