ชาวมณฑลเจียงซีอุทิศตนเพื่ออนุรักษ์เทคนิคการทําชา Gougunao แบบดั้งเดิมที่มีอายุหลายศตวรรษ สืบต่อกันมา 8 รุ่น
เหลียง หัวผิง ผู้สืบทอดเทคนิคการทำชาเริ่มเรียนรู้การเก็บใบชาเมื่ออายุ 12 ปี และชงชาเมื่ออายุ 18 ปี เขาบอกว่า ต้องมีเกณฑ์ที่เข้มงวดในการเลือกใบชา โดยต้องเลือกใบที่ไม่มีแมลงรบกวน ไม่เก็บใบชาในวันที่ฝนตก หรือ แดดจัด ต้องคัดสรรใบชาเกรดพิเศษกว่า 60,000 ใบ เพื่อให้ได้ชาแห้งเพียง 500 กรัม
มณฑลเจียงซีเป็นแหล่งผลิตชาเขียวที่สำคัญของประเทศ เป็นแหล่งปลูกชาที่มีชื่อเสียงหลายชนิด ใบชา Gougunao ต้องผ่านการตากแห้งนาน 3-5 ปี จากนั้น ยังมีกระบวนการผลิตถึง 8 ขั้นตอน เหลียงกล่าวว่า ต้องเก็บใบชาในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่อัดแน่นจนเกินไป
อุณหภูมิของหม้อที่เก็บควรอยู่ที่ประมาณ 360 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่สูงไปอาจทำให้ใบชาแห้ง ขณะที่อุณหภูมิที่ต่ำไปอาจทำให้ไม่ได้รสชาติของชาที่ต้องการ
เขากล่าวว่า สิ่งที่สําคัญที่สุด คือ การควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้ใบแดง จนแน่ใจว่า ใบชาผ่านการอบอย่างทั่วถึง และพิถีพิถัน ขั้นตอนต่อไป คือ การม้วนใบชาด้วยจังหวะ และแรงกดที่พอดี จนกลายเป็นเส้น จากนั้น นำใบชาไปอบครั้งที่ 2 ในอุณหภูมิประมาณ 160 องศาเซลเซียส และระวังไม่ให้เกิดความชื้น
การประเมินคุณภาพชา Gougunao จะประเมินจากปัจจัยสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ สี กลิ่น รสชาติ และรูปลักษณ์ โดยใบชาควรม้วนเป็นเส้นเรียว รสชาติบริสุทธิ์ กลิ่นหอม และมีความหวานค้างอยู่ในคอ
มรดกอันล้ำค่าของชาในเจียงซี เกิดขึ้นเมื่อกว่า 2,000 ปีจนถึงยุคราชวงศ์ฉิน (221-207 ปีก่อนคริสตกาล) และฮั่น (206 ปีก่อนคริสตกาล -220 ปีก่อนคริสตกาล)
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก CMG