โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง ถือว่าประสบความสำเร็จตามแผนที่มุ่งหวังไว้ เพราะศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราช สามารถผลักดัน พัฒนาเกษตรกรให้ประสบความสำเร็จในอาชีพทำนาให้ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ต่อยอดองค์ความรู้ต่าง ๆ พลิกผืนนาเป็นแผ่นดินทองอันล้ำค่า บริหารจัดการการผลิต การตลาดด้วยตนเอง มีทักษะในการบริหารจัดการกิจการ พร้อมปรับตัวให้เข้าสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งการพัฒนาเกษตรกรต้นแบบเพื่อยกระดับเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการเกษตรชั้นนำ เป็นอีกแนวทางในการสร้างแนวความคิดการเป็นผู้ประกอบการเกษตรเชิงธุรกิจ โดยจะต้องเน้นการปรับวิธีการทำการเกษตรจากรูปแบบเดิมไปสู่การทำการเกษตรสมัยใหม่
อย่างนายดำรงชัย ทองนุ่น อีกหนึ่งเกษตรกรคนเก่งที่ประสบความสำเร็จเป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง Smart Farmer ด้านข้าว ปีพ.ศ. 2557 มีความรู้ครบทุกด้านเกี่ยวกับการผลิตข้าว สามารถต่อยอดเป็นเกษตรผสมผสาน สร้างรายได้ตลอดทั้งปี ภายใต้การดูแลของศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราช
นายดำรงชัย ทองนุ่น เกษตรกรปราดเปรื่อง Smart Farmer ด้านข้าว เล่าว่า เดิมทีประกอบอาชีพทำนาแต่ประสบปัญหาโรคแมลง ต้องใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัด ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง ต้นทุนการผลิตสูง จึงไปขอคำแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราช นำคำแนะนำมาลงมือปฏิบัติ สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง Smart Farmer ไปอบรม ศึกษาดูงานเกี่ยวกับข้าวมากขึ้น นำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสประกวดแปลงเรียนรู้ ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 3 รู้สึกภูมิใจมาก หลังจากนั้นได้ถ่ายทอดความรู้ในหลาย ๆ ด้านให้แก่เกษตรกรในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดการแปลงนา วิธีการทำนาโยน การทำปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุทางธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการผลิตข้าว ศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราชได้ติดตาม และให้คำแนะนำอยู่เสมอ จากนั้นได้ต่อยอดองค์ความรู้ เพื่อผลิตข้าวคุณภาพดีได้มาตรฐาน GAP และแปรรูปเป็นข้าวสาร จำหน่ายให้ลูกค้ากลุ่มผู้รักสุขภาพ สิ่งที่ได้รับนอกจากรายได้จากการจำหน่ายข้าวสาร ก็คือความสุขทางใจ จากการได้ส่งมอบสินค้าอาหารที่ดี มีความปลอดภัย มีคุณภาพ ส่งต่อให้กับลูกค้า
ต่อมาในปี พ.ศ. 2558 นายดำรงชัย ได้มีโอกาสเข้าร่วม Young Smart Farmer มีการศึกษาเรื่องการทำเกษตรรูปแบบผสมผสานในแปลงนา การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ จึงนำความรู้มาปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง
“เมื่อเรามีความรู้ ด้านข้าวที่ครบวงจร เราไม่ควรที่จะหยุดศึกษา ควรหาความรู้เพิ่มเติม และนำความรู้ที่ได้มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันจากการทำการเกษตรเชิงเดียว เปลี่ยนมาทำการเกษตรเชิงท่องเที่ยว โดยใช้ผลผลิตภายในสวนนำมาแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร สาเหตุเกิดจากที่เราสามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ช่วงที่ว่างจากการทำนาก็ไม่มีรายได้ จึงหันมาทำร้านอาหารในรูปแบบการเกษตรเชิงท่องเที่ยวชื่อ “นาตาเฉย” ปัจจัยที่สำคัญที่เลือกประกอบธุรกิจร้านอาหาร คือ ข้าว โดยที่เรามีแปลงนาข้าวเป็นของตนเอง ผ่านกระบวนการผลิตมาแปรรูป ในรูปแบบของข้าวสารมาประกอบอาหารให้ลูกค้าได้บริโภคข้าวที่ปลอดภัย และมีคุณภาพ ภายใต้แนวคิดเป็นเกษตรกรที่ทำการเกษตรอย่างเดียวไม่ได้ โลกเปลี่ยนไปแล้วเราต้องปรับตัวตามสถานการณ์ปัจจุบัน”
“นาตาเฉย” เป็นสถานที่การเกษตรเชิงท่องเที่ยว พร้อมกับร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนหย่อนใจ สัมผัสกับธรรมชาติการเกษตรอย่างใกล้ชิด มีนาข้าว สวนมะพร้าวน้ำหอม พืชผักสวนครัว มีบ่อน้ำ ในส่วนของร้านอาหารจะมีอาหารและเครื่องดื่ม ที่ได้มาจากผลผลิตทางการเกษตร ไฮไลท์ของนาตาเฉยคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์ในรูปแบบข้าวสาร ที่เป็นของฝากจากนาตาเฉย และในอนาคตจะมีการเปิดให้บริการในส่วนของที่พัก มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้สัมผัสอย่างหลากหลายรูปแบบ หากท่านใดสนใจอยากลิ้มรสอาหารไทยสไตล์เกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือ ต้องการศึกษาดูงาน เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าว การทำปุ๋ย การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การทำการเกษตรเชิงท่องเที่ยว สามารถเข้ามาติดต่อได้ที่ “นาตาเฉย” ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.เชียรใหญ่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช