กลุ่มเซ็นทรัล พร้อมด้วยท่านเจ้าคุณเมธีวชิโรดม ผู้อำนวยการศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน และตัวแทนจาก WWF-Thailand พร้อมด้วยภาคเอกชน ร่วมพิธีเปิดโครงการศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ บนพื้นที่ 2 ไร่ ภายในพื้นที่โครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย
.
โดยตั้งใจพัฒนาให้เป็นต้นแบบของการฟื้นฟูมนุษย์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ตามหลัก “พุทธนิเวศสากล” (International Eco Monastery) แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงหมุนเวียนระดับพื้นบ้าน ด้านการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์
.
สอดคล้องกับเป้าหมายในการมุ่งมั่นสร้างคุณค่าร่วมกัน ระหว่างธุรกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตามโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” จึงได้ร่วมศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการ ขับเคลื่อนสู่ การเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์
.
จากการศึกษา และลงพื้นที่พบว่า พื้นที่นำร่อง ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ จึงเริ่มดำเนินโครงการแก้ไขปัญหา ปรับผืนดินที่แห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ทำการขุดบ่อน้ำ จัดทำร่องน้ำ ตามหลักโคกหนองนา เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร จนสามารถทำเกษตรผสมผสาน ปลูกข้าวและพืชพื้นถิ่นได้สำเร็จ รวมถึงมีการการใช้นวัตกรรมมาช่วยในการทำเกษตร เช่น การใช้แผงโซล่าเซลล์ที่มีอยู่เดิม มาจัดทำระบบ Smart Farm เพื่อใช้ในการสูบน้ำ การทำฟาร์มระบบการเลี้ยงไก่ไข่ที่ปล่อยให้ไก่ออกนอกโรงเรือนได้อย่างอิสระ เพื่อให้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ ทำให้ไก่มีความสุขและอารมณ์ดี ได้ไข่ที่ดี ปลอดภัย เป็นต้น
.
นอกเหนือจากโครงการศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ กลุ่มเซ็นทรัล และศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ยังมีแผนที่จะร่วมกันดำเนินโครงการโครงการต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม มุ่งให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างชุมชน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน กันอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการปลูกต้นไม้ตามอายุ การบริหารจัดการขยะ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันแหล่งน้ำในโครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวันสามารถกักเก็บน้ำได้ 12,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถนำน้ำมาใช้ในการเกษตรของโครงการ จนสามารถต่อยอดให้เป็นต้นแบบศูนย์เรียนรู้ด้านนวัตกรรมการทำเกษตรอินทรีย์ได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้โครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ ไร่เชิญตะวัน ประกอบด้วย
–บ่อน้ำเพื่อการเกษตร นับเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดในการทำการเกษตร โดยนำทฤษฎี โคก หนอง นา มาปรับใช้ สร้างธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อให้เป็นแหล่งน้ำถาวร แก้ปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ทำระบบเก็บน้ำสำรองด้วยการขุดบ่อพักน้ำ และขุดคลองไส้ไก่เพื่อเชื่อมการระบายน้ำในโครงการ สร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่
–นำพลังงานไฟฟ้าจากโซลาเซลล์มาใช้ในระบบรดน้ำอัตโนมัติ Smart Farm และการหมุนเวียนน้ำในโครงการ
–ปรับปรุงพื้นที่โครงการ ปลูก ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ได้แก่ แคนา เฮือก มะฮอกกานี ประดู่ มะค่าโมง และแปลงผักสวนครัว ได้แก่ กล่ำปลี ผักกาดขาว และตระกูลผักสลัด ซึ่งหากได้ผลผลิตที่ดีสามารถนำเข้าจำหน่ายที่ตลาดจริงใจ ของกลุ่มเซ็นทรัลต่อไป
–ทำแปลงปลูกข้าว สายพันธุ์ หอมมะลินิลสุรินทร์ ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์ที่มีความอดทนต่อสภาพแวดล้อม ใช้น้ำในการปลูกน้อย มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการสูง เบื้องต้น ผลผลิตที่ได้จะนำมาเป็นอาหารสำหรับพระสงฆ์และผู้มาร่วมปฏิบัติธรรม
–โครงการเลี้ยงไก่ไข่ปลอดภัยระดับชุมชน เพื่อนำมาเป็นอาหารสำหรับพระสงฆ์และผู้มาร่วมปฏิบัติธรรม หากมีปริมาณมากพอสามารถนำเข้าจำหน่ายที่ตลาดจริงใจ ของกลุ่มเซ็นทรัลต่อไป
–ปรับปรุงภูมิทัศน์ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เพิ่มความสวยงาม และเป็นการเชิญชวนให้มาเยี่ยมขม
.