นายภาณุวัตร เนียมเปรม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส CPF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และ อินเตอร์เน็ต มาใช้เพื่อเชื่อมโยงกับอุปกรณ์การทำงาน (Internet of Things : IoT) ในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ และโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ ไปจนถึงการสนับสนุน การทำงานระบบอัตโนมัติ (Automation) ในโรงงานผลิตอาหาร
“เทคโนโลยีและนวัตกรรม นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและระบบการทำงานให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารมีความปลอดภัยสูง ตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต เนื่องจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำมาใช้ ช่วยลดการสัมผัสมือ ลดการสูญเสีย ลดต้นทุน และลดความเสี่ยงในกระบวนการผลิตและการขนส่ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร” นายภาณุวัตร กล่าว
ธุรกิจไก่เนื้อได้นำระบบ Smart Farm มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มไก่เนื้อ โดยนอกจากการปฏิบัติด้วยความใส่ใจต่อสัตว์ในกระบวนการเลี้ยงในฟาร์มแล้ว ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อติดตามความเป็นอยู่ของสัตว์ อาทิ เครื่องวัดความเร็วลม เครื่องวัดความร้อนตัวไก่ เครื่องวัดปริมาณแอมโมเนีย เครื่องวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ระบบปรับระดับอุปกรณ์ให้อาหารและน้ำไก่อัตโนมัติ ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดผ่านระบบคอมพิวเตอร์และกล้องวงจรปิด (CCTV) ซึ่งสามารถนำฐานข้อมูลที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์และต่อยอดเข้าสู่ Big Data เพื่อการพัฒนาในอนาคต
การติดตั้ง AI และ IoT จะช่วยให้การเก็บข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์และประมวลผลมีความแม่นยำสูง ทั้งยังเชื่อมโยงระบบการทำงานแบบอัจฉริยะเข้ากับแอปพลิเคชั่นที่บริษัทฯสร้างขึ้นให้เป็นระบบเดียวกัน ทำให้สามารถติดตามการทำงานและประเมินผลตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ได้ทันที (Real Time) และทุกสถานที่ผ่านโทรศัพท์มือถือ ช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ ลดความเสี่ยงและการสูญเสีย ที่สำคัญช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่การผลิต
ในส่วนของกระบวนการผลิตไก่เนื้อ บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อาทิ ตัดแยกชิ้นส่วนไก่โดยใช้ระบบอัตโนมัติ (Auto Cutting Machine : ACM) รวมถึงกระบวนการแล่และตัดแต่งสินค้าพิเศษ โดยนำเครื่องแล่น่องสะโพก (BL Deboner) เครื่องแล่เนื้อหน้าอก (BB Deboner) เครื่องตัดเนื้อ (Block Steak) และเครื่องตัดเนื้อด้วยน้ำความดันสูง (Water Jet) ซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพ และลดการปนเปื้อน ก่อนผ่านเข้าสู่กระบวนการปรุงสุกไก่ในรูปแบบทอด อบ นึ่ง ย่าง และอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน ซึ่งในกระบวนการปรุงสุกข้างต้นได้นำระบบ Smart Factory และระบบ IoT เชื่อมโยงเครื่องจักรอัจฉริยะและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน รวมถึงการนำระบบชั่งบรรจุอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการ เช่น การจัดเรียงกล่องสินค้าลงพาเลท เป็นต้น
นายภาณุวัตร กล่าวว่า โรงงานแปรรูปเนื้อไก่นครราชสีมา เป็นโรงงานต้นแบบ (Korat Model) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาหารซีพีเอฟ (CPF Food Standard) ภายใต้ชื่อ PS 7818 : 2018 ; CPF Food Safety, Quality and Sustainability Management System โดย บจ.บี เอสไอ กรุ๊ป (ประเทศไทย) หรือ BSI ตรวจประเมินที่โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ โรงฟักไข่ ฟาร์มไก่เนื้อ โรงงานชำแหละ และโรงงานอาหารแปรรูป ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการมาตรฐานอาหารของ CPF ธุรกิจไก่เนื้อครบวงจรนครราชสีมา โดยมีเป้าหมายขยายการใช้มาตรฐานอาหาร CPF และรับรองมาตรฐานในธุรกิจไก่เนื้อและธุรกิจเป็ดเนื้อครบวงจรอื่นๆ ภายในปี 2565
นอกจากนี้ ธุรกิจไก่เนื้อและเป็ดเนื้อครบวงจรของ CPF ทั่วประเทศ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานจากก๊าซชีวภาพ และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งปัจจุบัน โรงงานอาหารสัตว์บก ธุรกิจไก่เนื้อและเป็ดเนื้อ ยกเลิกการใช้ถ่านหิน 100% หันมาใช้ชีวมวล เช่น ซังข้าวโพด เป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหินในหม้อไอน้ำ