พาณิชย์ ลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายน้ำตาลทรายทั้งประเทศยันกลับสู่ภาวะปกติแล้ว สินค้ามีเพียงพอ ไม่มีปัญหาขาดแคลน หลังจาก ครม. ไฟเขียวให้ปรับขึ้นราคากิโลกรัมละ 2 บาท รับช่วงวันสองวันแรก อาจตึงตัวบ้าง เหตุคนแห่ซื้อ เผยหากจุดไหนยังมีปัญหา แจ้งมา พร้อมประสาน สอน. ประสานโรงงานน้ำตาลทรายจัดส่งทันที ย้ำใครกักตุน ขายแพง เล่นงานตามกฎหมายเด็ดขาด ส่วนสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ ยังไม่มีการขอปรับขึ้นราคา
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด และกรม ออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายน้ำตาลทรายทั่วประเทศ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย กิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาท และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ประกาศราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน กก.ละ 21 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาย และ กก.ละ 22 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และไม่กำหนดราคาขายปลีก แต่จะต้องขายให้สอดคล้องกับต้นทุน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.2566 เป็นต้นมา โดยจากการตรวจสอบ พบว่า น้ำตาลทรายตึงตัวบ้างในช่วงวันแรก เพราะคนซื้อมากและซื้อพร้อม ๆ กัน แต่ตอนนี้ เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว น้ำตาลทรายมีเพียงพอ ขอประชาชนไม่ต้องกังวล
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยผลิตน้ำตาลทรายได้ประมาณปีละ 8 ล้านตัน ใช้บริโภคในประเทศ 2.5 ล้านตัน ที่เหลือส่งออก ซึ่งดูจากตัวเลข ยังไงก็มีเพียงพอ และกรมยังได้ประสานงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ให้ประสานโรงงานน้ำตาลทราย ให้เร่งจัดส่งน้ำตาลทรายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับคำยืนยันว่ามีการจัดส่งเป็นปกติเช่นเดียวกัน ไม่มีปัญหาเรื่องโรงงานไม่จัดส่งน้ำตาลทราย รวมทั้งได้จัดตั้งวอร์รูม เพื่อติดตามสถานการณ์ หากห้างไหน พื้นที่ใด มีปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลน ก็ให้ประสานมา ก็จะประสาน สอน. ให้ประสานโรงงานน้ำตาลทรายจัดส่งในทันที
“ฝากถึงผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน ห้าง ร้านค้า หากตรวจสอบพบว่ามีการกักตุนน้ำตาลทราย จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาตรา 30 มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการขายแพง จะผิด มาตรา 29 มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก็เลือกเอาว่าจะโดนโทษแบบไหน”นายวัฒนศักย์กล่าว
นายวัฒนศักย์กล่าวว่า หลังจากที่น้ำตาลทรายปรับขึ้นราคา ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใด ที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มอาหาร หรือเครื่องดื่ม ยื่นเรื่องขอปรับราคาเข้ามายังกรม และกรมเชื่อว่าผู้ประกอบการพยายามที่จะตรึงราคาสินค้าเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน นโยบายของรัฐบาลและของกระทรวงพาณิชย์เอง ไม่ต้องการให้สินค้าปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ เพื่อช่วยดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน
ส่วนกรณีที่มีการจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายในหลายระดับราคา เพราะประกาศ กกร. ไม่ได้ควบคุมราคาขายปลีกนั้น ขอชี้แจงว่า ราคาจำหน่ายปลีกที่จำหน่ายในห้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ กก.ละ 26-27 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ แต่ในร้านค้ารายย่อย ร้านค้าในตลาดสด ราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับต้นทุนในการซื้อน้ำตาล และค่าขนส่ง หากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ก็จะสูงกว่าราคาในห้าง แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น การจำหน่ายก็ต้องสอดคล้องกับต้นทุน และชี้แจงข้อเท็จจริงได้