“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี พบปะชาวนาและโรงสีติดตามสถานการณ์การผลิตข้าว และรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อนำไปจัดทำมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2566/67 ที่จะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นไป เผยเตรียมชง นบข. พิจารณา 4 มาตรการ ให้เกษตรกรและสหกรณ์เก็บสต๊อก ผู้ประกอบการเก็บสต๊อก ให้สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก และช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พบปะกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. อุดรธานี จำกัด จ.อุดรธานี ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ผลผลิตเเละราคาข้าวเปลือกมาโดยตลอดเเละได้รับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องเกษตรกรเรื่องเสถียรภาพราคาข้าวเเละได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในให้เร่งดำเนินการเเก้ไขปัญหาเสถียรภาพราคาข้าวโดยด่วนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเเละความเป็นอยู่ของเกษตรกร ทั้งนี้ได้รับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากเกษตรกร โรงสี เเละผู้ส่งออกเพื่อนำข้อมูลไปพิจารณาเพื่อจัดทำมาตรการบริหารจัดการข้าวเปลือกนาปี 2566/67 ที่จะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยดูแลเสถียรภาพราคาข้าวให้กับเกษตรกร
จากการรับฟังความคิดเห็นทั้งจากเกษตรกร โรงสี ผู้ส่งออก ได้มีข้อเสนอเพื่อจัดทำมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก โดยทุกภาคส่วนเห็นว่าควรดำเนินมาตรการสำหรับปีการผลิต 2566/67 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่
(1) การเก็บสต็อกเกษตรกรและสหกรณ์เพื่อชะลอข้าวเปลือก เป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยช่วย 1,500 บาท/ตัน ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1–5 เดือน และให้นำออกขายเมื่อข้าวราคาดี
(2) ผู้ประกอบการเก็บสต็อก เป้าหมาย 10 ล้านตัน ช่วยดอกเบี้ย 4% เก็บสต็อก 2–6 เดือน
(3) สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือกเป้าหมาย 1 ล้านตัน โดยช่วยดอกเบี้ย 15 เดือน ในอัตรา 3.85% สหกรณ์เสียดอกเบี้ย 1%
(4) ช่วยลดต้นทุนการผลิต หรือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ ครัวเรือนละ 20,000 บาทโดยจะได้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และเร่งนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคาดว่ามาตรการที่ให้เกษตรกร สหกรณ์ และให้ผู้ประกอบการช่วยเก็บสต็อกและเสริมสภาพคล่องจะทำให้ราคาข้าวเปลือกในฤดูกาลนี้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังได้ใช้โอกาสนี้ติดตามการดำเนินโครงการ “พาณิชย์สั่งลุย ลดราคาปุ๋ย” ณ จังหวัดอุดรธานี โดยมีสถาบันเกษตรกรที่สั่งซื้อปุ๋ยในโครงการในล็อตแรก ที่จะส่งมอบระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม นี้ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.อุดรธานี 2.สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินบ้านน้ำพ่น 3.สหกรณ์การเกษตรหนองวัวซอ และ 4.สหกรณ์การเกษตรกุดจับ ปริมาณปุ๋ยรวม 1,200 กระสอบ ซึ่งได้มีการรับมอบและส่งมอบในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการนี้จะยังคงแซงต่อไปจนถึงสิ้นสุดเดือนธันวาคม ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยไปได้สูงสุดกระสอบละ 50 บาท