ม.มหิดล ออกแถลงการณ์ 8 ข้อแนะนำ “การใช้กัญชา”ระบุ ห่วงใยความปลอดภัยประชาชนและสังคม

15 มิ.ย. 65 เพจมหาวิทยาลัยมหิดล( Mahidol University) ได้โพสต์ว่า

8 ข้อแนะนำ “การใช้กัญชา” ม.มหิดล ห่วงใยความปลอดภัยประชาชนและสังคม

โดยแถลงการณ์ระบุว่า เนื่องด้วยประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุประเภทยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ไม่ระบุว่า “พืชกัญชา” รวมถึงส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ใบ ช่อดอก เป็นสารเสพติดให้โทษนั้น กัญชาเป็นพืชที่มีสารแคนาบินอยด์หลายชนิด โดยเฉพาะสาร THC ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ และไม่ควรใช้เพื่อการสันทนาการ เพราะอาจทําให้เกิดโทษรุนแรงได้

แต่ในขณะนี้ยังไม่มีมาตรการกํากับดูแล “การใช้กัญชา”อย่างรัดกุม มหาวิทยาลัยมหิดล มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของประชาชนและสังคม จึงมีข้อแถลงการณ์และข้อเสนอแนะ ดังนี้

288050318 10162126635459012 1373125145201776322 n
  1. ไม่ใช้กัญชาในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็ก และเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี โดยเด็ดขาด เพราะมีผลต่อการพัฒนาการของสมองทั้งในแม่และเด็ก
  2. ไม่ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เช่น อาการทางจิต และระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย
  3. ไม่ใช้ “ช่อดอกกัญชา” เพื่อผสมในอาหาร และเครื่องดื่ม หากมีการผสมส่วนใดๆ ของ “กัญชา” ในอาหารและเครื่องดื่ม ต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน
  4. ผู้ที่ใช้กัญชา ไม่ควรขับรถ หรือทำงานกับเครื่องจักร ในระยะ 6 ชั่วโมงหลังใช้กัญชา เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้สูง
  5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคจิตประสาท โรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด ขอให้ปรึกษากับแพทย์ ที่ให้การรักษาก่อนใช้กัญชาเสมอ เพราะอาจมีผลต่อยาและการรักษาที่ได้รับอยู่
  6. ผู้ปกครองและสถานศึกษา ควรดูแลให้เด็ก และเยาวชนห่างไกลจากกัญชา รวมถึงประชาชน ควรร่วมสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากอันตรายของกัญชา
  7. ขอให้ภาครัฐ และภาคสังคม มุ่งให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้กัญชา และอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
  8. ขอให้ภาครัฐ เร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดให้มีมาตรการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการติดตามดูแลการใช้กัญชาอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดสวัสดิภาพที่ดีแก่ประชาชนและสังคม

ผู้ที่ต้องการใช้ “กัญชา” ต้องศึกษาข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นก่อนเสมอ หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ และแจ้งข้อมูลการได้รับกัญชาอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที

เมื่อวานนี้ ( 14 มิ.ย. 65 ) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือ ควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ.2565

โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ เนื่องจากการใช้กัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น สันทนาการ อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่โดยปกติสุขหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

โดยควันของพืชดังกล่าวข้างต้นจะมีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ปอดได้ด้วยการหายใจเอาควันเข้าไป ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย เช่น โรคปอด หอบหืด หลอดลมอักเสบ

เพื่อควบคุมและป้องกันมิให้เกิดผลกระทบจนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น สมควรกำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 25 (5) แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ. 2565”

ข้อ 2 ในประกาศนี้ “กัญชา” หมายความว่า พืชในสกุล Cannabis เป็นพืชล้มลุก ลำต้นมีสีเขียวอมเทา ใบเป็นแฉก เว้าลึกจนถึงโคนใบ ใบแต่ละแฉกยาวรี ขอบใบจักแบบฟันเลื่อย ดอกสีเขียว มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

“กัญชง” หมายความว่า ไม้ล้มลุกมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์คล้ายกัญชา แต่ลักษณะต้นสูงกว่า ใบเรียวยาวและสีอ่อนกว่า มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

ข้อ 3 กำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เว้นแต่พืชที่มีกฎหมายอื่นควบคุมแล้ว จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยบริเวณ ใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น เป็นเหตุรำคาญ ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข

ข้อ 4 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นายสาธิต ปิตุเตชะ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข