นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบประชาชน” ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อบริการความรู้ด้านวิชาการให้แก่พี่น้องเกษตรกรในด้านพืช ด้านปศุสัตว์ และด้านประมง รวมถึงเพื่อจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนโครงการในอนาคต รวมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ผ่านการจัดนิทรรศการต่าง ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ ชี้แนะ และตอบคำถาม นอกจากนี้ จังหวัดสุรินทร์ ยังมีด่านช่องจอม ซึ่งถือเป็นตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชาวไทยและชาวกัมพูชา ซึ่งในเร็วๆ นี้ ที่จะมีการเปิดเขตเศรษฐกิจการค้าช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ ให้เกิดการค้าขายสินค้าเกษตรกับประเทศกัมพูชา ซึ่งไทยจะสร้างหลักประกันทางการค้ากับคู่ค้าให้เกิดความมั่นใจว่าสินค้าเกษตรไทยมีความปลอดภัย รวมถึงสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น รมช.ไชยา ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามพื้นที่แก้มลิงกุดส้ม บ้านไกลเสนียด หมู่ 7 ตำบลหนองบัว อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ แต่มีสภาพตื้นเขิน ในฤดูฝนไม่สามารถกักเก็บน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และในฤดูแล้งขาดแคลนน้ำจนพี่น้องเกษตรกรไม่มีใช้ในการอุปโภค-บริโภคได้อย่างเพียงพอ รัฐมนตรีช่วยฯ ไชยา จึงได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งสำรวจ ศึกษา และจัดการด้านปัญหาน้ำ โดยเร่งจัดทำโครงการก่อสร้างฝายกุดส้ม งบประมาณ 30,000,000 บาทโดยเสนอของบประมาณ 2568 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชากรในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ รมช.ไชยา ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการแก้มลิงหนองปรง ณ ศาลากลางหมู่บ้าน บ้านหนองปล้อง หมู่ที่ 18 ตำบลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยพื้นที่ดังกล่าว ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าในแต่ละปีจะเป็นพื้นที่น้ำท่วม หรือเกิดการขาดแคลนน้ำ จึงมีการขอให้จัดทำโครงการแก้มลิง เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้อุปโภค-บริโภคได้ตลอดปี ซึ่งโครงการดังกล่าวเข้าสู่สภาเป็นลำดับต้น ๆ เรียบร้อยแล้ว
“จังหวัดสุรินทร์มีพรมแดนการค้าช่องจอมที่สามารถทำการค้าระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่องจอมเป็นเส้นทางข้ามแดนที่ใหญ่และสะดวกที่สุดของจังหวัดสุรินทร์ที่จะไปยังกัมพูชา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งผลักดันในการสร้างศักยภาพในพื้นที่ เพื่อให้เปิดพื้นที่การค้าสินค้าเกษตร สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ยังพบว่า จังหวัดสุรินทร์มีศักยภาพในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมากที่สุดในประเทศ โดยมีศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสุรินทร์ เป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่สนใจ” รมช.ไชยา กล่าวเสริม