ส.ป.ก.ขานรับนโยบายดับแล้งรัฐบาลเร่งเครื่องขุดบ่อน้ำบาดาลโซลาร์เซลล์ในเขตพื้นที่ ส.ป.ก.รับมือปัญหาเอลนีโญ ชี้เป้าดำเนินการทั่วประเทศ 50-100 แห่งต่อปี เกษตรกรได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 1,000 ครัวเรือนต่อปี พร้อมหนุน “สวนครัวน้ำหยด” เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ และยกระดับรายได้ให้เกษตรกรแบบยั่งยืน
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายเร่งด่วนในการให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมมาตรการในการรับสถานการณ์เอลนีโญ ที่มีแนวโน้มรุนแรงและยาวนาน ส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าปกติ ส.ป.ก.ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเกษตรกรในพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน ได้เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างบ่อบาดาลและระบบสูบน้ำโซลาร์เซลล์ เพื่อการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน ด้วยการขยายผลโครงการฯ ไปสู่พื้นที่อื่นๆ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อรับมือสถานการณ์เอลนีโญที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
โดยกำหนดเป้าหมายดำเนินการให้ได้ปีละประมาณ 50-100 โครงการ เกษตรกรได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 1,000 ครัวเรือนต่อปี พื้นที่รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 10,000 ไร่ต่อปี นอกจากนี้ ส.ป.ก.ยังได้จัดทำ MOU ร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งเป็นหน่วยดำเนินการเรื่องน้ำบาดาลโดยตรง เพื่อมาช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก.อีกด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรของเกษตรกร ตลอดจนขอให้เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกไปสู่การปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยยึดแนวทางตลาดนำการผลิตตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดร.วิณะโรจน์ กล่าวถึงผลดำเนินการที่ผ่านด้วยว่า ส.ป.ก.ได้ดำเนินโครงการมาแล้ว 2 ช่วง คือ ช่วงปี 2563-2564 เป้ามายดำเนินการ 62 โครงการ แล้วเสร็จ 41 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 8 โครงการ ยกเลิก 13 โครงการ ส่วนช่วง 2 ดำเนินการในปี 2566 เป้าหมายดำเนินการ 53 โครงการ แล้วเสร็จ 17 โครงการ
ทั้งนี้ ผลดำเนินการที่ผ่านมาช่วยให้เกษตรกรมีน้ำเพื่อการเกษตรโดยมีพื้นที่รับประโยชน์ 11,590 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์ 1,096 ราย พร้อมกันนี้ ส.ป.ก. ยังได้ต่อยอดโครงการบ่อดาลอย่างครบวงจร โดยจัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการสวนครัวน้ำหยด สำหรับกลุ่มผู้ใช้น้ำบาดาลโซลาร์เซลล์ เพื่อเพิ่มผลิตภาพน้ำการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อส่งเสริมการใช้นวัตกรรมการให้น้ำพืชแบบสวนครัวน้ำหยด เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยประหยัดน้ำมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มผู้ใช้น้ำสามารถบริหารจัดการน้ำได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนขอให้เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกไปสู่การปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นโดยยึดแนวทางตลาดนำการผลิตอีกด้วย
“สำหรับโครงการก่อสร้างบ่อบาดาล และระบบสูบน้ำโซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตร ในเขตปฏิรูปที่ดินทั้งระบบสูบน้ำและการกระจายน้ำ เป็นโครงการที่ ส.ป.ก.จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแหล่งน้ำสำรองและแก้ปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรในการเพาะปลูกแบบเกษตรผสมผสาน และสร้างคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้อยู่ได้ อยู่ดี และมีความสุขในพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน” ดร.วิณะโรจน์ กล่าว
ดร.วิณะโรจน์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากพื้นที่ปฏิรูปที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ขาดแคลนแหล่งกักเก็บน้ำและระบบกระจายน้ำไว้ใช้ในการเกษตร ต้องอาศัยน้ำฝนและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งไม่เพียงพอในภาคการเกษตรและการอุปโภคบริโภคของเกษตรกรโดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง ดังนั้นการสร้างบ่อบาดาลและระบบสูบน้ำโซลาร์เซลล์ จึงเป็นการบรรเทาสภาพปัญหาภัยแล้ง เพื่อให้สามารถปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี และเป็นหลักประกันให้ปลูกพืชได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งมีผลต่อรายได้ของเกษตรกร คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) จึงได้อนุมัติโครงการก่อสร้างบ่อบาดาล และระบบสูบน้ำโซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 115 โครงการ ในพื้นที่ 31 จังหวัด เกษตรกรจะสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรได้อย่างดีและต่อเนื่อง ทำให้ระบบเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้นต่อไป
“เรายังมีความเป็นห่วงเกษตรกรในแต่ละภูมิภาค เนื่องจากพื้นที่ ส.ป.ก.ส่วนใหญ่อยู่นอกเขตชลประทาน และเป็นพื้นที่ห่างไกลจากระบบไฟฟ้า ส.ป.ก.จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ นำมาใช้ในระบบสูบส่งกระจายน้ำเข้าแปลงเกษตรกรรม ที่ผ่านมา ส.ป.ก.สนับสนุนโครงการระบบสูบน้ำจากบ่อบาดาลและแหล่งน้ำผิวดิน พร้อมระบบกระจายน้ำโดยใช้โซลาร์เซลล์ เพื่อลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง โดยมอบหมายสำนักพัฒนาพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน เป็นหน่วยดำเนินการโครงการ” ดร.วิณะโรจน์ กล่าว