อลงกรณ์ แจงปม “ทุเรียนไทย” ไร้คุณภาพส่งออกไปจีนหลังคลิปแชร์ว่อนโลกโซเชียล ยัน ไทยครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีนอันดับหนึ่ง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหา “ผลไม้เศรษฐกิจ” ล่วงหน้าทั้งระบบ (เฉพาะกิจ)เขียนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็น“คลิปทุเรียนไทย” ไร้คุณภาพส่งออกไปจีนที่แชร์กันในโลกโซเชียลโดยบทความที่นายอลงกรณ์คีย์แมนคนสำคัญของฟรุ้ทบอร์ดเขียนมีสาระน่าสนใจดังข้อความต่อไปนี้

…เพื่อนแชร์คลิปของสุภาพสตรีท่านหนึ่งพูดถึงประเด็น “ทุเรียนไทย” ไร้คุณภาพส่งออกไปจีน จึงคิดว่าควรเขียนทำความเข้าใจในประเด็นที่เกี่ยวข้อง

ปัญหา “ทุเรียน” ไร้คุณภาพเช่นทุเรียนอ่อนทุเรียนแก่มีจริงเพราะ 4 เดือนมานี้มีทุเรียนที่ส่งออกกว่า4แสนตันหรือกว่า120ล้านลูกย่อมเกิดผิดพลาดจากมือตัด มือคัดและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะมือใหม่ที่เข้ามาค้าขายทุเรียนในช่วงปี 2ปีนี้ เนื่องจากราคาดีตลาดโต

S 8364252
ไทยครองอันดับหนึ่งส่งออกผลไม้ไปจีน

แต่ปัญหาทุเรียนอ่อน ทุเรียนแก่ ทุเรียนสวมสิทธิ์ ในฤดูกาลปีนี้ลดลงและมีแนวโน้มดีขึ้นมาก

เพราะ 2-3 ปีมานี้ ทางราชการเข้มงวดกวดขันจับกุมไปหลายราย ลองไปดูตัวอย่างแถว ระยอง จันทบุรีและตราด เจ้าหน้าที่ชาวสวนและล้ง ร่วมมือกันเข้มแข็งมาก ๆ เพื่อรักษาคุณภาพทุเรียน ตั้งแต่ในสวนจนถึงตลาด มีชุดตรวจพิเศษจับเอาโทษหนักทั้งจำคุก-ปรับ และถอนใบอนุญาต รวมทั้งการป้องกัน “ทุเรียนต่างชาติ”มาสวมเป็นทุเรียนไทยเพื่อส่งออก เป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯและภายใต้ 18 มาตรการของฟรุ้ทบอร์ด ซึ่งมาตรการลำดับที่ 1 คือ มาตรการรักษาคุณภาพและมาตรฐานทุเรียน สวนทุเรียนและล้ง

ในแต่ละปีมีสวนที่ส่งออกทุเรียนและผลไม้ไปจีนต้องมีใบรับรองGAPเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 แสนแปลง โดยในปี2565 เพิ่มเป้าหมายเป็น 120,000 แปลง และ GMP plusสำหรับล้ง ซึ่งยังไม่มีประเทศใดในโลกที่พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานได้แบบนี้

ด้วยมาตรฐานเช่นนี้ ประเทศไทยจึงเป็นประเทศเดียวที่จีนยอมให้ส่ง “ทุเรียนสด” ไปขายในจีนได้ ส่วนทุเรียนประเทศอื่นต้องแช่เย็น แช่แข็งหรือแปรรูปถึงจะส่งออกไปจีนเพราะสวนทุเรียนไม่ผ่านมาตรฐานของจีน

วันนี้ “ทุเรียนไทย” สามารถครองตลาดจีนเป็นที่หนึ่งแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำเงินเข้าประเทศจากการส่งออกทะลุกว่าแสนล้านบาทในปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากไม่กี่หมื่นล้านเมื่อ 4 ปีก่อน

ถ้ารวมผลไม้ทั้งหมด ไทยครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดจีนกว่า 40% เป็นอันดับ1 ส่วนอันดับ 2 คิอชีลี 14% อันดับ 3 ได้แก่เวียดนาม 6% ทั้งที่เวียดนามมีพรมแดนติดจีน เรียกว่า ทุเรียนไทย ผลไม้ไทย ครองตลาดและครองใจคนจีนแบบแน่นหนามั่นคง

อย่างไรก็ตาม การส่งออกด้วยปริมาณมาก ๆ และภายในเวลาที่จำกัดย่อมมีผิดพลาดบ้างแม้จะช่วยกันดูแลเข้มข้นแค่ไหนก็ตาม เพราะมีปริมาณการส่งออกทุเรียน 4 แสนกว่าตันหรือกว่า120ล้านลูก ในช่วง 4 เดือนแรกของฤดูกาลผลิตผลไม้ปี2565

นี่คือ ความจริงและความยากในการค้าขายทุเรียนสด

ยิ่งกว่านั้น ยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นคือผู้ค้ารายใหม่ทั้งไทยและจีนที่เห็นตลาดโตราคาดีเข้ามาค้าขายเพิ่มขึ้นแต่ขาดประสบการณ์จึงมักเกิดปัญหาเรื่องการตัด การคัดทุเรียน กรมวิชาการของกระทรวงเกษตรจึงต้องจัดหลักสูตรฝึกอบรมบ่มเพาะพัฒนาฝีมือมือตัดและมือคัดทุเรียนและล้ง เช่น สวพ.6 ที่จันทบุรี

นอกจากนี้ “ทุเรียน”กว่า120ล้านลูก ต้องขนส่งไปจีน ข้ามน้ำ ข้ามเขา ข้ามลาว ข้ามเวียดนาม ด้วยระยะทางกว่า2พันกิโลเมตรบางครั้งติดด่าน 10 วัน 20 วัน ย่อมมีโอกาสบอบช้ำหรืองอมมากไปบ้าง ซึ่งพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากขายครั้งเดียวแล้วเลิกจากการขายทุเรียนอ่อนหรือทุเรียนแก่นอกจากคนเห็นแก่ตัวบางส่วน ซึ่งมีการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับ(Traceability)เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่นำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

รวมทั้งการพัฒนาระบบแปลงใหญ่(Big Farm) การใช้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมใหม่ เช่น เครื่องมือตรวจเปอร์เซ็นต์เนื้อแป้งแบบดิจิตอล ระบบความเย็น(cold chain system)แบบไนโตรเจน ฟรีซเซอร์(Nitrogen Freezer)ซึ่งติดตั้งแล้วหลายยูนิตที่ภาคตะวันออกและภาคใต้มีคุณภาพเหนือกว่าระบบแช่แข็งแบบเดิมที่ใข้ในเวียดนามและมาเลเซีย

วันนี้ ทุเรียนไทยนอกจากเป็นแชมป์ในตลาดจีนแล้วยังเป็นแชมป์โลกด้วย จากความร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาอย่างต่อเนื่องของทุกภาคส่วน พร้อมกับการแก้ไขปัญหาทุกปัญหาด้วยความใส่ใจทั้งปัญหาปัจจุบันและโจทย์ในอนาคต