DSI เผย เปิดครบแล้ว 161 ตู้หมูเถื่อน ชี้พบหมูเน่า 4 ตู้ เตรียมถกปศุสัตว์อนุมัติทำลาย และเรียกสอบเพิ่มพยาน-ผู้ต้องหา

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 ศูนย์ราชการฯ อาคารเอถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ น.ส.พิทยาภรณ์ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยนางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีหมูเถื่อน 

โดย น.ส.พิทยาภรณ์ ระบุว่าสำหรับคดีหมูเถื่อน รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. โดยมีการบูรณาการกับหน่วยงานภาคี อาทิ กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร คาดว่าวันนี้จะมีการเปิดตู้ตรวจแล้วเสร็จทั้ง 161 ตู้ โดยในขณะนี้ยังได้รับรายงานว่าพบแล้ว 4 ตู้คอนเทนเนอร์ที่เครื่องทำความเย็นเสีย เป็นเหตุให้เนื้อหมูเน่าเสีย และคาดว่าจะมีเน่าเสียเพิ่มเติม 

รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุอีกว่า ดีเอสไอได้รับการยืนยันจากกรมปศุสัตว์แล้วว่าเนื้อหมูเหล่านี้ที่นำเข้ามานั้น เป็นการนำเข้าโดยไม่ผ่านพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ และเป็นเนื้อหมูที่นำเข้าโดยมิชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ ดีเอสไออยู่ระหว่างการประสานกับกรมปศุสัตว์ เพื่อเตรียมวางแผนอนุมัติทำลายภายในสัปดาห์หน้า ส่วนความเสียหายที่เกิดกับรัฐนั้น ยังคงมูลค่า 460 ล้านบาท เป็นเนื้อหมู 4.5 ล้านกิโลกรัม และคณะพนักงานสอบสวนยังคงเร่งรัดดำเนินการสอบสวนเพื่อตัดวงจร เพราะส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงสุกร เกิดคู่แข่งที่ไม่เป็นธรรม

IMG 4806

รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุต่อว่า สำหรับผลการสอบสวนตอนนี้ ปรากฏพบบริษัทชิปปิ้งเอกชนที่มีความเกี่ยวข้อง 11 แห่ง และบริษัทสายเรือที่รับจ้างนำเข้า จำนวน 17 แห่ง ซึ่งดีเอสไอมีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วแต่ต้องขอละเว้นการเปิดเผยเนื่องจากเป็นรายละเอียดภายในสำนวนคดี แต่ยืนยันว่าจะมีการเปิดเผยในช่วงท้ายให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในฐานะผู้เสียหายได้รับรู้อย่างแน่นอนตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งรัดทำเนินการให้รวดเร็ว รอบคอบ รัดกุมมากที่สุด นอกจากนี้ เรายังได้รับสำนวนการสอบสวนที่เหลือ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง เรียบร้อยแล้ว จากนี้จะเป็นขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกบุคคลเข้าให้การในฐานะพยาน หรือ ผู้ต้องหาต่อไป รวมถึงจะตรวจสอบประวัติการทำธุรกิจย้อนหลังของบริษัทชิปปิ้งเอกชนทั้ง 11 แห่งด้วยว่าเคยมีพฤติการณ์ในลักษณะเดียวกันมาก่อนหรือไม่ หรือเคยนำเข้าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ทั้งนี้ ยืนยันว่าเนื้อสุกรแช่แข็งเหล่านี้ ไม่มีสูญหายระหว่างการตรวจสอบแน่นอน เพราะมีการบันทึกตลอด ส่วนสาเหตุที่พบว่าเนื้อหมูพร่องในวันเปิดตู้นั้น คาดว่าแต่ละตู้ตามข้อมูลจะต้องมีการเว้นเนื้อที่เพื่อระบบไหลเวียนถ่ายเทของอากาศภายในตู้ 

รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุด้วยว่า กรมปศุสัตว์จะวางแผนประชุมเรื่องการฝังกลบทำลายเนื้อหมูโดยกรมปศุสัตว์คาดว่าจะมีการใช้เงินประมาณ 12 ล้านบาท ต่อ 161 ตู้ รวมทั้งเรายังได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทสายเรือต่างๆ เพื่อช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าฝังกลบทำลายอีกด้วย เเละเบื้องต้นมีการประสานมาแล้วประมาณ 3-4 แห่ง 

IMG 4802

เมื่อถามว่ากรมปศุสัตว์ได้มีการนำเนื้อสุกรแช่แข็งภายในตู้คอนเทนเนอร์ชักตรวจบ้างหรือไม่ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยอมรับว่า มีการชักตรวจก่อนจริง เนื่องจากเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ห่วงเรื่องโรคระบาด ที่อาจจะมากับเนื้อหมู จึงต้องมีการดำเนินการนำออกไปตรวจตามมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบว่าเนื้อหมูเหล่านี้มีการเจือปนของสารเคมีหรือสารตกค้างใดหรือไม่

ส่วนประเทศต้นทางที่ปรากฏในผลิตภัณฑ์ของเนื้อสุกรแช่แข็งเหล่านี้ อาทิ ประเทศเยอรมันนี บราซิลอาร์เจนตินา เราจะมีการประสานเพื่อสอบถามข้อมูลไปยังผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสำหรับขั้นตอนถัดไป ส่วนประเด็นเรื่องความกังวลว่าอาจจะมีการหลุดรอดของเนื้อหมูไปยังเขียงหมูต่างๆหรือร้านปิ้งย่างในพื้นที่ประเทศไทยนั้น เบื้องต้นตามที่มีการตรวจสอบยังไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ได้ แต่ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้ระมัดระวังในการซื้อสินค้าบริโภคโดยให้ซื้อเนื้อหมูที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้และเนื้อหมูเหล่านั้นมีมาตรฐานหรือไม่

ส่วนหลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า ยังคงอยู่ในระหว่างการแสวงหาพยานหลักฐานและต้องรอคำให้การการสอบปากคำของพยานที่เกี่ยวข้องอื่นๆก่อน หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริง ดีเอสไอจะดำเนินการทางคดีเช่นเดียวกัน