ปัญหาการสวมสิทธิ์ GAP เป็นปัญหาสำคัญที่อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งกำกับดูแลขั้นตอนการส่งออกทุเรียนเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ ล่าสุดด่านตรวจพืชนครพนม พบว่า มีการสวมสิทธิ์ GAPในขั้นตอนขออนุญาตส่งออก จึงได้แจ้งความดำเนินคดีบริษัทผู้ส่งออกรายนี้ ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ได้ใบรับรองสุขอนามัยพืช ซึ่งทุเรียนที่ขอส่งออกล็อตนี้ จะยังไม่สามารถนำเข้าโรงคัดบรรจุ และปิดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อส่งออกได้ หากเอกสาร GAP ไม่ถูกต้อง
เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชนครพนม กรมวิชาการเกษตร เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบการส่งออกทุเรียน ผ่านด่านสะพานมิตรภาพ 3 นครพนม-คำม่วน ซึ่งช่วงนี้มีมากถึงวันละ 150 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยต้องตรวจสอบการปิดตู้ล็อกซีน เพื่อให้ทุเรียนมีคุณภาพและได้มาตรฐานการส่งออก
นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช ตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้าไทย-จีน จึงจะส่งออกทุเรียนได้ ซึ่งก่อนที่บริษัทผู้ส่งออกจะได้ใบรับรองนี้ จะต้องยื่นเอกสารขอรับการพิจารณาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย ใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสาหรับพืชอาหาร หรือ GAP หนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช หรือ DOA และใบรับรองระบบการผลิตมาตรฐานโรงคัดบรรจุ หรือ GMP
จินตนา สุมขุนทด หัวหน้าด่านตรวจพืชนครพนม ระบุว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ ตรวจพบว่ามีบริษัทผู้ส่งออกรายหนึ่ง ใช้เอกสารสำเนาใบรับรอง GAP ระบุเบอร์โทรและลายเซ็นของเกษตรกรไม่ตรงกับฐานข้อมูลออนไลน์ ตรวจสอบพบว่าเป็นการสวมสิทธิ์ GAP จึงแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดี ผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนรายนี้
สำหรับการดำเนินคดีกับบริษัทผู้ส่งออก ที่สวมสิทธิ์ใบ GAP ของเกษตรกร เป็นการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ซึ่งกรณีพบการกระทำผิดในขั้นตอนการยื่นเอกสารเพื่อขอใบรับรองสุขอนามัยพืช ตามเงื่อนไขการส่งออก ทำให้ทุเรียนที่ขอส่งออกครั้งนี้ จะยังไม่สามารถนำเข้าโรงคัดบรรจุ และปิดตู้คอนเทนเนอร์ได้ หากเอกสาร GAP ไม่ถูกต้อง นับเป็นหนึ่งในมาตรการที่เข้มงวดเพื่อแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์ทุเรียนของกรมวิชาการเกษตร
