กรมการค้าภายในเตรียมพร้อมมาตรการรับมือผลไม้ภาคใต้ ประสานผู้ส่งออก ผู้ผลิต ผู้รวบรวม ล้ง ผู้ซื้อ ห้าง เข้าไปเปิดจุดรับซื้อ และเข้าไปซื้อผลไม้แล้ว หลังจบฤดูผลไม้ภาคตะวันออก เผยมังคุดเริ่มออกแล้ว ราคาดี 79-97 บาท เพิ่ม 135% ทุเรียนและเงาะ เริ่มออกสู่ตลาด มั่นใจราคาดี ปีนี้เป็นปีทองตามรอยภาคตะวันออก
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลไม้ภาคตะวันออกได้สิ้นสุดฤดูกาลแล้ว และเข้าสู่ต้นฤดูกาลของผลไม้ภาคใต้ ซึ่งกรมฯ ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว โดยได้ประสานผู้ประกอบการ ทั้งผู้ส่งออก ผู้ผลิต ผู้รวบรวม โรงคัดบรรจุ ผลไม้ (ล้ง) ที่จบภารกิจในภาคตะวันออกแล้ว รวมถึงประสานผู้ส่งออก ผู้ซื้อ ห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่ต้องการผลไม้ไปจำหน่าย ให้ไปเปิดจุดรับซื้อผลไม้ และเตรียมกลไกรถโมบายผลไม้เร่งเขารับซื้อผลไม้ในพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังเริ่มออกสู่ตลาด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ทั้งนี้ ปัจจุบันเป็นช่วงที่ผลผลิตมังคุดกำลังออกสู่ตลาด โดยออกแล้วประมาณ 10-20% ของผลผลิตทั้งหมด โดยสถานการณ์ด้านราคายังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง เกรดมันรวม ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 79-97 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ราคา 37 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้น 135% เกรดกากลาย กก.ละ 55-67 บาท เพิ่มจาก 20-35 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้น 122% เกรดคละ กก.ละ 35-52 บาท เพิ่มจาก 27 บาท หรือเพิ่ม 61% และเกรดดำ กก.ละ 20-28 บาท เพิ่มจาก 15-18 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้น 45%
สำหรับผลผลิตทุเรียน พึ่งเริ่มออกสู่ตลาด ส่วนเงาะยังไม่ออกสู่ตลาด แต่กรมฯ ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว ทั้งการประสานผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อ การเร่งระบายผลผลิตจากแหล่งผลิตออกสู่ตลาด การจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ Fruit Festival 2023 การสนับสนุนกล่องให้กับเกษตรกร เพื่อใช้ใส่ผลไม้ และส่งผ่านไปรษณีย์ การขอความร่วมมือสายการบินให้โหลดผลไม้ขึ้นเครื่องฟรี 20 กก. เป็นต้น
“กรมฯ คาดว่า ปีนี้จะเป็นปีทองของผลไม้ในภาคใต้ เช่นเดียวกับผลไม้ภาคตะวันออก ที่ปีนี้เป็นปีทองไปแล้ว เพราะราคาผลไม้สูงขึ้นทำสถิติทุกตัว โดยทุเรียน เกรด AB เฉลี่ย กก.ละ 172 บาท เพิ่ม 20% เกรด C กก.ละ 131 บาท เพิ่ม 41% และเกรด D กก.ละ 111 บาท เพิ่ม 42% มังคุด เกรดมัน กก.ละ 123 บาท เพิ่ม 102% เกรดกากลาย กก.ละ 91 บาท เพิ่ม 82% เกรดคละ กก.ละ 88 บาท เพิ่ม 132% และเงาะ กก.ละ 36 บาท เพิ่ม 100% โดยมั่นใจว่าผลไม้ภาคใต้ที่กำลังจะออกสู่ น่าจะราคาดีไม้แพ้กัน เพราะมีมาตรการดูแลไว้หมดแล้ว และผู้ซื้อ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็เตรียมที่จะเข้าไปซื้อ”นายกรนิจกล่าว
ทางด้านสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ภาคใต้ มีปริมาณรวม 895,118 ตัน เพิ่มขึ้น 77% แยกเป็นมังคุด ปริมาณ 142,077 ตัน เพิ่ม 409% ทุเรียน ปริมาณ 667,338 ตัน เพิ่ม 49% เงาะ ปริมาณ 52,804 ตัน เพิ่ม 96% ลองกอง ปริมาณ 32,899 ตัน เพิ่ม 1,497% ซึ่งกรมฯ มองว่า ปี 2565 ผลผลิตผลไม้ภาคใต้ลดลงเป็นอย่างมากจากภัยธรรมชาติ พี่น้องชาวสวนภาคใต้ขาดรายได้ แต่ปริมาณผลผลิตผลไม้ที่เพิ่มขึ้นในปี 2566 ถึงแม้เป็นความท้าทาย แต่ถือเป็นโอกาสที่พี่น้องชาวสวนจะสามารถขายผลผลิตที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น ในราคาที่สูงขึ้น ส่งผลให้รายได้พี่น้องชาวใต้เพิ่มขึ้นด้วย