เวียดนามเตรียมรับมือ ‘น้ำเค็มรุกล้ำ’ ผลพวงเอลนีโญ

จังหวัดเคียนเกียงของเวียดนาม ซึ่งถือเป็นพื้นที่ปลูกข้าวขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ยกระดับมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับสภาพอากาศเลวร้ายอันเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) ในปีนี้

เลก๊วกแองห์ รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเคียนเกียง กล่าวว่าปรากฏการณ์เอลนีโญมีแนวโน้มทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น ซึ่งสร้างความกังวลว่าดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงอาจเผชิญภัยแล้งหรือการรุกล้ำของน้ำเค็ม

ปัจจุบันจังหวัดเคียนเกียงเดินหน้าเตรียมความพร้อมรับมือกับสภาพอากาศเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้โดยมีการตรวจสอบแหล่งน้ำจืด ประตูระบายน้ำ และเขื่อน เพื่อป้องกันการรั่วไหลและการรุกล้ำของน้ำเค็ม

หน่วยงานการเกษตรท้องถิ่นเสริมว่าบรรดาเกษตรกรต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลในการก่อสร้างระบบเขื่อนล้อมรอบพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดและป้องกันน้ำเค็มรั่วไหลเข้าคูคลองจนส่งผลกระทบต่อพืชผล

จังหวัดเคียนเกียงได้ก่อสร้างหรือปรับปรุงเขื่อนชั่วคราวเพื่อป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็ม จำนวน 40 แห่งและจัดสรรน้ำเพื่อการปลูกข้าวฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ 281,000 เฮกตาร์ (ราว 1.75 ล้านไร่) รวมถึงการใช้ในครัวเรือน

ขณะเดียวกันผลการประเมินภัยแล้งและการรุกล้ำของน้ำเค็มจะถูกจัดส่งสู่คณะผู้นำระดับจังหวัดเพื่อเตรียมมาตรการป้องกัน พร้อมเพิ่มความตระหนักรู้ภาวะดินเค็มของเกษตรกร เพื่อป้องกันการทำลายพืชผลอย่างไม่ตั้งใจด้วยการรดน้ำเค็ม

กระทรวงเกษตรของเวียดนามระบุว่าดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามครองสัดส่วนร้อยละ 50 ของการผลิตข้าวและผลไม้ของประเทศ ร้อยละ 90 ของการส่งออกข้าว และร้อยละ 60 ของการส่งออกกุ้งและปลา

ด้านศูนย์พยากรณ์อุทกวิทยาแห่งชาติเวียดนามเผยว่าสภาพอากาศจากปรากฏการณ์เอลนีโญมีแนวโน้มก่อตัวในเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของฤดูร้อน โดยมีโอกาสร้อยละ 70-80 ที่สภาพอากาศดังกล่าวจะคงอยู่จนถึงปี 2024

ขณะผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญมักส่งผลให้ฝนตกน้อยลง ทำให้ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั่วเวียดนามอาจลดลงร้อยละ 25-50

IMG 4009

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ จาก : สำนักข่าวซินหัว(Xinhua)