ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดราคาสินค้าเกษตรหลักของไทยในปี 2566 จะได้รับแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศดันความต้องการและช่วยพยุงราคาได้ระดับหนึ่ง ชดเชยแรงฉุดด้านราคาจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยมีทั้งกลุ่มที่ราคาปรับขึ้นและปรับลดลงตามแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรโลก
สินค้าเกษตรกลุ่มที่น่าจะมีราคาปรับขึ้นจากปีก่อน คือ ข้าวและมันสำปะหลัง โดยอุปสงค์จากที่จีนเปิดประเทศและ Food Security น่าจะดันราคาข้าวเฉลี่ยในปี 2566 ไปอยู่ที่ 11,100 บาทต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น7.5% และดันราคามันสำปะหลังเฉลี่ยไปอยู่ที่ 3 บาทต่อกก.หรือเพิ่มขึ้น 17.6%
สินค้าเกษตรกลุ่มที่อาจมีราคาลดลงจากปีก่อนแต่ยังอยู่ในระดับสูง จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับสูง รวมถึงสินค้าเกษตรกลุ่มนี้เป็นพืชที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและเป็นพืชน้ำมันเพื่อนำไปผลิตพลังงาน จึงอาจได้รับแรงฉุดด้านราคาจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและราคาน้ำมันที่มีความผันผวนในทิศที่ปรับลดลง คือ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย
โดยคาดว่าปี 2566 ราคายางพาราเฉลี่ยจะอยู่ที่ 45 บาทต่อกก.หรือลดลง 13.0% ราคาปาล์มน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 5.4 บาทต่อกก.หรือลดลง 31.1% และราคาอ้อยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 บาทต่อตัน หรือลดลง 3.3%
ทั้งนี้ ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในระดับสูงและความไม่แน่นอนด้านอุปทาน เช่น ปริมาณสต็อกธัญพืชโลกยังอยู่ในระดับต่ำ สภาพภูมิอากาศแปรปรวน ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ มาตรการจำกัดการส่งออกโดยหลายประเทศ โรคระบาดในพืช และต้นทุนการผลิตที่ผันผวนสูง ตลอดจนการรับมือกับประเด็นความยั่งยืนที่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดคู่ค้ากลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา ล้วนอาจกระทบต่อธุรกิจปลายน้ำที่ใช้พืชเกษตรเป็นวัตถุดิบให้เผชิญความท้าทาย ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องวางแผนบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ