ตามที่สื่อมวลชนหลายสํานักได้เสนอข่าวเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ยื่นร้องเรียนต่อ ปปช.ให้ดําเนินการกับเลขาธิการ ส.ป.ก.ในฐานะที่ปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกที่ส.ป.ก. ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี
สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ขอชี้แจงว่า โดยปกติทุกปี ส.ป.ก. จะ ดําเนินการสุ่มตรวจความผิดปกติของการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศอยู่แล้ว ซึ่ง ส.ป.ก. จะทําการสุ่มตรวจจากแผนที่ภาพถ่ายผ่านดาวเทียมและการลงตรวจสอบในพื้นที่จริง เมื่อ ตรวจพบความผิดปกติของการใช้ที่ดินก็จะแจ้งให้เกษตรกรผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารพยานหลักฐาน หากพบว่าเป็นการใช้ประโยชน์ใน ที่ดินที่ไม่ถูกต้องก็จะสั่งให้สิ้นสิทธิทันที
สําหรับกรณีที่กําลังเป็นข่าวนั้น ส.ป.ก. ขอชี้แจงขั้นตอนการดําเนินการและข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ส.ป.ก. ทราบข่าวว่ามีการบุกรุกที่ดินของเอกชนในพื้นที่อําเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี มาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา
โดยทันทีที่ทราบข่าว เลขาธิการ ส.ป.ก. ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและ ส.ป.ก.สระบุรี เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ทราบ โดยด่วน ซึ่งจากผลการลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงที่ดินและเข้าพบหารือกับผู้ปกครองท้องที่ พบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าว ส.ป.ก. ได้จัดสรรให้กับเกษตรกร จํานวน 37 ราย50 แปลง โดยทุกแปลง ยังคงมีการทําเกษตรกรรมอยู่เต็มพื้นที่
ทั้งนี้ ส.ป.ก.สระบุรี ได้ประสานขอข้อมูลเชิงลึกของ เกษตรกรทั้ง 37 รายกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งอบต.หนองย่างเสือ สํานักงานประกันสังคมจังหวัด สระบุรี สํานักงานพาณิชย์จังหวัดสระบุรี เป็นต้น เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวยังคงเป็น เกษตรกรหรือไม่ หรือยังคงเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติตามระเบียบกฎหมายของ ส.ป.ก. อยู่หรือไม่ ทั้งนี้ ส.ป.ก. ได้การรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว
ในการนี้ ส.ป.ก.ขอขอบคุณนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยแจ้งเบาะแสดังกล่าวให้กับส.ป.ก. ได้ทราบ และขอเรียนว่า ส.ป.ก. มิได้นิ่งนอนใจ ละเลย หรือละเว้นต่อกรณี ปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด โดยในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้จะครบกําหนดเวลาที่เกษตรกรทั้ง 37 รายต้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี หากรายใดไม่มาชี้แจงก็ต้องดําเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกําหนดไว้อย่างเคร่งครัด
พร้อมกันนี้ เลขาธิการ ส.ป.ก.ได้ประสานผู้ว่าราชการ จังหวัดสระบุรีในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) แล้ว และได้รับคํายืนยัน ว่าหากเกษตรกรรายใดกระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายของ ส.ป.ก. ก็พร้อมที่จะดําเนินการสั่งให้สิ้นสิทธิการเข้าทําประโยชน์ในที่ดินนั้นทุกรายทุกแปลงโดยไม่มีละเว้นในทันที