นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังให้การต้อนรับนายญอ ฟริมปง แอ็ดโด (Hon. Yaw Frimpong Addo) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอาหารและการเกษตร สาธารณรัฐกานานางฟลอเรนซ์ อะโคนอร์ (H.E.Florence Akonor) เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐกานา ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคณะในโอกาสเข้าพบหารือการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกัน ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ตามที่สาธารณรัฐกานาได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวและเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ เพื่อบริโภคภายในประเทศและลดการนำเข้าภายใน 5 ปี แต่เนื่องจากกานามีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการเกษตรและแรงงานไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบดั้งเดิมไม่ได้นำเทคโนโลยีมาใช้มากนัก ทำให้คุณภาพและผลผลิตต่ำไม่สอดคล้องกับการเติบโตของสังคมเมืองและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งประชากรยังมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคตะวันตก จึงจำเป็นต้องมีการนำเข้าข้าวและสินค้าแปรรูปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับฝ่ายกานาเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวจึงได้เข้าร่วมหารือและขอความร่วมมือในการสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้าว
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือดังกล่าวกับกานาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลการสนับสนุนด้านวิชาการ ด้านเครื่องมือเครื่องจักรและเทคโนโลยี การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนและนักศึกษากานา เพื่อมาศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพการเกษตรในหลักสูตรระยะสั้น และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในวันนี้ กานามีกำหนดการเข้าพบหารือกับอธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมการข้าวและการดูงานที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีด้วย
“สาธารณรัฐกานา มีความสนใจและขอรับความร่วมมือด้านต่าง ๆ อาทิ แนวทางพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การทำการเกษตรแบบ BCG โมเดล โดยเฉพาะข้าวรักษ์โลกที่ช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี รวมถึงการส่งเสริมเกษตรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) โดยกานาจะนำแนวทางการทำเกษตรกรรมและการพัฒนาด้านการเกษตรที่ประสบผลสำเร็จของประเทศไทยเป็นต้นแบบการทำเกษตรกรรมในกานา ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนองค์ความรู้ต่าง ๆ ตามที่กานาขอความอนุเคราะห์ ซึ่งจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรมในโอกาสอันใกล้ต่อไป”นายนราพัฒน์ กล่าว
ปัจจุบันสาธารณรัฐกานานำเข้าข้าว 1.5 ล้านตันต่อปีทั้งจากไทย เวียดนาม อินเดีย ขณะที่รัฐบาลกานามีนโยบายที่จะลดการนำเข้าและส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรด้วยตนเอง แต่ยังต้องได้รับความช่วยเหลือจากประเทศอื่นอยู่และไทยเป็นประเทศหนึ่งที่กานาให้ความสนใจ และถือเป็นโอกาสอันดีที่ไทยจะขยายการลงทุนด้านอื่น ๆ กับกานาเพิ่มเติมในอนาคต