รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันไม่มีการดำเนินคดีกับเรือประมงพื้นบ้าน ที่ทำประมงในเขตพื้นที่ทับซ้อนอุทยานฯ เพราะเป็นการทำประมงเพื่อการยังชีพ แต่ที่ต้องจับประมงพาณิชย์ 27 ลำ โดยไม่อาจผ่อนผันได้ เพราะเป็นการทำประมงรุกล้ำและใช้เครื่องมือที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมรอบพื้นที่ท่องเที่ยว
จากกรณีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่มีเรือประมงพื้นบ้านออกมาชุมนุมประท้วงปิดปากอ่าวจนส่งผลกระทบต่อการนำเรือเข้าออกของเรือท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสตูล ทำให้มีนักท่องเที่ยวตกค้างจำนวนมาก
โดยเรือเหล่านี้ อ้างเหตุผลของการชุมนุมปิดปากอ่าวว่า กังวลจะถูกดำเนินคดี หลังจากที่ตำรวจได้ร่วมกับกรมอุทยานฯ แจ้งดำเนินคดีกับเรือประมง 27 ลำที่ทำประมงในพื้นที่เขตทับซ้อนก่อนหน้านี้
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การที่ประมงพื้นบ้านออกมาชุมนุมกันเป็นเรื่องของความเข้าใจผิด เพราะแม้ตำรวจ และอุทยาน จะประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แต่ตอนนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะดำเนินการจับกุมประมงพื้นบ้าน เพราะเข้าใจได้ว่า การทำประมงพื้นบ้าน เป็นการทำประมง เพื่อการยังชีพ และเครื่องมือที่ใช้ ที่ไม่กระทบต่อทรัพยากรชายฝั่ง โดยที่ผ่านมาได้หารือร่วมกันกับทางกรมอุทยานฯ และมีการกำหนดขอบเขตการผ่อนผันทำประมงบางจุดให้ชาวเลเข้าไปหาปลาได้ เพื่อการยังชีพ
จากการสำรวจพบว่า จ.สตูล มีเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กอยู่ 6,800 กว่าลำ แต่เรือที่ออกมาประท้วงอยู่ในขณะนี้มีอยู่ประมาณ 80 ลำในวันแรกและลดลงมาเหลือ 40 ลำในวันที่สอง
ส่วนสาเหตุที่ต้องจับกุมเรือประมงพาณิชย์และไม่สามารถผ่อนผันได้ เนื่องจากพื้นที่อุทยานฯ มีความหลากหลายทางชีวภาพ หากปล่อยให้เรือประมงพาณิชย์ เข้ามาลักลอบทำประมง จะสร้างความเสียหาย ทั้งระบบนิเวศน์ และการท่องเที่ยว ไม่ต่างจากปล่อยปละให้มีการสร้างโรงแรม รุกพื้นที่อุทยานฯ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการดำเนินคดีกับเรือประมง 27 ลำ จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย อย่างจริงจัง เนื่องจากตรวจสอบ VMS พบว่า เรือประมงเหล่านี้ ทำประมงในเขตหวงห้าม หรือเขตอุทยานและยังใช้เครื่องมือที่เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำวัยอ่อนและปะการัง ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้แจ้งดำเนินคดีกับเรือกลุ่มนี้ไปแล้ว ที่สน.บางเขน เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา มีโทษจำคุก 5 ปีและปรับไม่เกิน 500,000 บาท
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกด้วยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลเข้าไปทำความเข้าใจกับตัวแทนของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ที่ออกมาชุมนุมปิดปากอ่าว และทำข้อตกลงร่วมกันโดยเร็วที่สุด จะได้ยุติการปิดปากอ่าว ที่กำลังกระทบต่อการท่องเที่ยวทะเลโดยรอบ
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า อีกสองเดือนข้างหน้าจากนี้ไปทาง IUU จะเข้ามาประเมินการดำเนินการ และมาตรการการแก้ไขปัญหา การประมงผิดกฏหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม