“พาณิชย์”เคาะส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 20 จ่ายชดเชย 2 ชนิด “ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่-ข้าวเปลือกเจ้า” เงินเข้าบัญชี 1 มี.ค.นี้ ส่วนอีก 3 ชนิดไม่ต้องจ่าย เหตุข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูกาล ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ราคาทะลุเพดานประกัน เผยทิศทางราคาข้าวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังบาทอ่อน คำสั่งซื้อเข้า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 20 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 18-24 ก.พ.2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเจ้า ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่าย เพราะสิ้นสุดฤดูเก็บข้าว ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย
โดยข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,635.69 บาท ชดเชยตันละ 364.31 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,828.96 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,032.87 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,901.01 บาท ชดเชยตันละ 98.99 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 2,969.70 บาท ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,325.32 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีการคำนวณส่วนต่าง เพราะสิ้นสุดฤดูกาล
ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 1 มี.ค.2566 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 5,843 ครัวเรือน
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมค้าข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ราคาข้าวภายในประเทศยังทรงตัว เนื่องจากข้าวฤดูกาลใหม่ยังไม่ออกสู่ตลาด และผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าค่าเงินบาทของไทยในขณะนี้มีแนวโน้มเริ่มอ่อนตัวลง ส่งผลให้เริ่มมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงมีโอกาสในการส่งออกข้าวไทยในอนาคต เนื่องจากประเทศคู่แข่งอย่างอินเดียและเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะส่งออกได้น้อยลง ซึ่งเป้าหมายในการส่งออกข้าวของไทยยังคงตั้งเป้าที่ 7.5 ล้านตัน เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะสามารถเป็นไปได้
สำหรับการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างในงวดที่ 1-19 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วจำนวน 2.601 ล้านครัวเรือน จำนวน 7,850.76 ล้านบาท และการช่วยเหลือไร่ละพันบาท เกษตรกรได้รับเงินแล้วกว่า 4.627 ล้านครัวเรือน จำนวน 53,917.48 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะเพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใด ๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569