ธ.ก.ส.โอนเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวผ่านโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สำหรับปีการผลิต 2565/66 กว่า 24 ลบ. มีผู้ได้รับประโยชน์ 9,184 ครัวเรือน ในวันที่ 22 ก.พ.นี้
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าธ.ก.ส. เตรียมโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเกษตรกรผ่านมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 แก่เกษตรกรอีกกว่า 9,184 ครัวเรือน เป็นจำนวนเงิน 24.91 ล้านบาท ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ โดยแบ่งเป็น โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละพัน) ครั้งที่ 12 เป็นเงินกว่า 21.72 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 3,302 ครัวเรือน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 งวดที่ 19 และงวดที่ 1 – 18 (เพิ่มเติม) เป็นเงินกว่า 3.19 ล้านบาท และมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 5,882 ครัวเรือน
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้เริ่มดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ประกอบไปด้วย โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละพัน) ไปแล้วจำนวนกว่า 53,896.82 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 4.62 ล้านครัวเรือน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 1 – 17 จำนวนเงิน 7,847.73 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์ไปแล้ว 2.60 ล้านครัวเรือน โดยเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile และ A-Mobile Plus ตลอด 24 ชั่วโมงและจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ สำหรับเกษตรกรที่มีข้อสอบถามเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555
ก่อนหน้านี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 19 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 11-17 ก.พ.2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเจ้า ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่าย เพราะสิ้นสุดฤดูเก็บข้าว ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย
โดยข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,632.23 บาท ชดเชยตันละ 367.77 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,884.32 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,090.32 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,899.37 บาท ชดเชยตันละ 100.63 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 3,018.90 บาท ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,460.47 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีการคำนวณส่วนต่าง เพราะสิ้นสุดฤดูกาล