“พาณิชย์”เคาะส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 18 กลับมาจ่ายชดเชย 2 ชนิด “ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่-ข้าวเปลือกเจ้า” ส่วนอีก 3 ชนิดไม่ต้องจ่าย เหตุข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูกาล ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ราคาทะลุเพดานประกัน เผยราคาข้าวปรับลดลงเล็กน้อย แต่มีแนวโน้มดีขึ้น หลังบาทเริ่มมีเสถียรภาพ ความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 18 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 4-10 ก.พ.2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเจ้า ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่าย เพราะสิ้นสุดฤดูเก็บข้าว ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย
โดยข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,644.35 บาท ชดเชยตันละ 355.65 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,690.40 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,135.11 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,993.02 บาท ชดเชยตันละ 6.98 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 209.40 บาท ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,550.07 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีการคำนวณส่วนต่าง เพราะสิ้นสุดฤดูกาล
ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 15 ก.พ.2566 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 5,744 ครัวเรือน
สำหรับราคาปุ๋ยเคมี ขณะนี้ปรับลดลงมาต่อเนื่อง เช่น ปุ๋ยยูเรีย ลดลง 25% ปุ๋ยสูตร 21-0-0 ที่เป็นปุ๋ยปาล์ม ลดลงถึง 30% เฉลี่ยในภาพรวมปุ๋ยทุกตัวลดถึง 13% และยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้อีก หากราคาน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติลดลง ซึ่งก๊าซธรรมชาติเอามาทำปุ๋ย ถ้าก๊าซธรรมชาติแพง ปุ๋ยจะราคาแพง แต่ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้จัดโครงการช่วยกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ เป็นกรณีพิเศษหลายล็อตแล้ว ล่าสุดที่ดำเนินการ คือ จัดโครงการปุ๋ย 2,500,000 กระสอบ เปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ สามารถจับคู่ซื้อปุ๋ยจากโรงงานโดยตรง กระทรวงฯ จะเป็นผู้ประสานให้ในราคาพิเศษ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาระราคาเรื่องปุ๋ยให้เกษตรกร
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมค้าข้าวไทย และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า ราคาข้าวสารเริ่มปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งตัวต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ถือว่าค่าเงินเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับตลาดข้าวพื้นแข็ง ยังคงมีความต้องการจากต่างประเทศ เนื่องจากประเทศคู่แข่งของไทย เช่น เวียดนาม ลดการปลูกข้าวขาวลง และในส่วนข้าวหอมมะลิ แม้คำสั่งซื้อมีการชะลอตัว แต่ตลาดภายในประเทศถือว่ากระเตื้องขึ้นจากการเปิดประเทศ ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งตัวเลขการขออนุญาตส่งออกถึงวันที่ 8 ก.พ.2566 มีปริมาณสูงถึง 1 ล้านตัน ทำให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยยังตั้งเป้าการส่งออกไว้ที่ 7.5 ล้านตัน
ส่วนการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างในงวดที่ 1-17 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วจำนวน 2.59 ล้านครัวเรือน จำนวน 7,846.54 ล้านบาท และการช่วยเหลือไร่ละพันบาท เกษตรกรได้รับเงินแล้วกว่า 4.62 ล้านครัวเรือน จำนวน 53,876.52 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ยังได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569