17 มิถุนายน 2564 มีประกาศราชกิจจานุเบกษาประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามเพาะเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 มีผลบังคับใช้ในวันทึ่16 สิงหาคม 2564 เป็นต้มมา
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นหายาก หรือป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ ซึ่งประกอบสัตว์น้ำด้วย 13 ชนิดตามชื่อไทย(Thai name) ชื่อสามัญ (Common name) และชื่อ วิทยาศาสตร์(Scientific name) ได้แก่
สัตว์น้ำด้วย 13 ชนิดได้แก่ ปลา 10 ชนิด ประกอบด้วย
1 .ปลาหมอสีคางดำ หรือ Blackchin tilapia หรือ Sarotherodonmelanotheron
2.ปลาหมอมายัน หรือ Mayan cichlid หรือ Mayaherosurophthalmus
3.ปลาหมอบัตเตอร์ หรือ Zebra cichlid หรือ Heterotilapiabuttikoferi
4.ปลาทุกชนิดในสกุล Cichlaและปลาลูกผสม หรือ Peacock cichlid, Butterfly peacock bass หรือ Cichlaspp.
5.ปลาเทราท์สายรุ้ง หรือ Rainbow trout หรือ Oncorhynchusmykiss
6.ปลาเทราท์สีน้ำตาล หรือ Sea trout หรือ Salmotrutta
7.ปลากะพงปากกว้าง หรือ Largemouth black bass หรือ Micropterussalmoides
8.ปลาโกไลแอทไทเกอร์ฟิช หรือ Goliath tigerfish, Giant tigerfish หรือ Hydrocynus goliath
9.ปลาเก๋าหยก หรือ Jade perch หรือ Scortumbarcoo
10.ปลาที่มีการดัดแปลงหรือตัดแต่งพันธุกรรม GMO LMO
ชนิดสัตว์น้ำอื่น ประกอบด้วย
1.ปูขนจีน หรือ Chinese mitten crab หรือ Eriocheirsinensis
2.หอยมุกน้ำจืด หรือTriangle shell mussel หรือ Hyriopsiscumingii
3.หมึกสายวงน้ำเงินทุกชนิดในสกุล Hapalochlaena หรือ Blue-ringed octopus หรือ Hapalochlaena spp.
ทั้งนี้ ประกาศฉบับดังกล่าวฯ มีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้
1. กรณีที่เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกลุ่มเหล่านี้ ต้องดำเนินการขอใบอนุญาตตามประกาศกรมประมง ภายใน 30 วันหลังจากประกาศฯ มีผลบังคับใช้และเมื่อไม่ต้องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่างถิ่นกลุ่มดังกล่าวแล้วให้รีบนำสัตว์น้ำส่งมอบให้สำนักงานประมงจังหวัด หรือ หน่วยงานกรมประมงอื่นๆในพื้นที่โดยด่วน
2. กรณีที่ประชาชนทำการประมงแล้วได้สัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดนี้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ประชาชนสามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ แต่ต้องทำให้สัตว์น้ำตายก่อนนำไปจำหน่าย
3. กรณีที่สัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดนี้จากธรรมชาติได้หลุดรอดเข้าในบ่อเพาะเลี้ยงของเกษตรกรโดยไม่เจตนาเกษตรกรสามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ แต่ต้องทำให้ปลาตายก่อนนำไปจำหน่าย
4. กรณีส่วนราชการ สถาบันการศึกษา หรือกรณีจำเป็นอื่นใดที่ต้องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดไว้เพื่อศึกษาวิจัยและประโยชน์ทางราชการให้แจ้งขออนุญาตกรมประมงก่อน
5. ห้ามผู้ใดปล่อยสัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิด ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความผิดตามมาตรา 144 แห่ง พรก.การประมง 2558
บทลงโทษหากพบผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 64 หรือมาตรา 65 วรรคสอง ต้องระวางโทษตามมาตรา 144 จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง นำสัตว์น้ำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีของปลาเก๋าหยกที่กำลังเป็นข่าวดังในเวลานี้
“ได้รับอนุญาต” แต่จะเป็นแบบไหนนั้น…รอติดตามข่าวจากกรมประมงกันครับ