นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกณ์ จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ลงพื้นที่ติดตามการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปูทะเล ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้เลี้ยงปูดำบ้านโต๊ะโสม อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ดำเนินการส่งเสริมเกษตรกร ให้เป็นทั้งผู้ขายและผู้ส่งจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งธุรกิจที่มาแรงในขณะนี้คือปูไข่ดองน้ำปลา ด้านการตลาดปูในขณะนี้ ทั้งปูในประเทศและนอกประเทศยังสดใส ราคามีการขึ้นลงตามฤดูกาล เช่น หน้าเดือนถือศีลกินเจ ราคาปูจะต่ำสุด ช่วงตรุษจีน ราคาปูจะสูงสุด เป็นต้น
ทั้งนี้ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ข้อเสนอแนะในเรื่องผลกระทบด้านภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ควรส่งเสริมให้เกษตรปรับการเลี้ยง โดยเน้นการเลี้ยงแบบ “ปูคอนโด” นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาแนวทางการตั้งกองทุนปูทะเล เพื่อเป็นแหล่งทุนในการช่วยเหลือ สนับสนุนความต้องการของเกษตรกรด้านต่าง ๆ และพิจารณาแนวทางของ ศอ.บต. ในการส่งเสริมให้จังหวัดปัตตานีเป็นแหล่งปูทะเลโลก
จากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามเกษตรกรตัวอย่าง นางสำลี บุญมา ณ หมู่ 3 ตำบล บางโกระ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ภายใต้หลักคิด “ในพื้นที่หนึ่งสามารถบริหารจัดการปลูกพืชได้หลายชนิด ได้รับผลผลิตต่อเนื่อง สามารถเก็บผลผลิตรับประทานและจำหน่ายสร้างรายได้ตลอดทั้งปี” ดำเนินการจัดตั้งกลุ่มรวบรวมผลผลิตเมล็ดกาแฟสดในชุมชน ปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า พันธุ์อราบิก้าแซมในสวน
นอกจากนี้ ได้มีการหารือการปลูกพืชอาหารสัตว์และเตรียมการขับเคลื่อนโครงการโคบาลชายแดนใต้ ณ ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงปูทะเล โดยมีการกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อให้ผลักดันให้จังหวัดปัตตานีเป็นเมืองปูทะเลโลกแบบครบวงจรในอนาคตข้างหน้าให้เป็นแหล่งผลิตพันธุ์ปูตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางพร้อมกับการส่งเสริมในภาคการตลาดไปจนถึงภาคของการท่องเที่ยวซึ่งขณะนี้พบว่ามีการผลิตลูกปู เพื่อกระจายให้กับเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงปูที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก
ในส่วนของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานียังได้สร้างโรงเพาะฝักปูทะเลเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งวันที่ 19 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดอย่างเป็นทางการ คาดว่า โรงเพาะฝักปูทะเลแห่งนี้จะเป็นจุดศูนย์กลางเพาะพันธุ์แม่ปูและแหล่งอนุบาลลูกปูที่มีขนาดอยู่ในช่วงอายุประมาณ1 เดือนครึ่ง สามารถจำหน่ายให้กับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการร้านอาหารได้ในราคาถูกและสามารถเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ที่สนใจได้อีกด้วย
นอกจากนี้จะทำให้เกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงปูที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต).มีการนำร่องกว่า 30 ชุมชน เกิดความเข้มแข็งและมีองค์ความรู้เพิ่มขึ้นสามารถขยายผลและต่อยอดได้ สามารถเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวและดึงนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาบริโภคปูทะเลในพื้นที่ได้ เช่น การชมป่ากินปูทะเลโดยกลุ่มเยาวชนสามารถเป็นมักคุเทศน์ได้ กลุ่มประชาชนทั่วไปสามารถนำผลผลิตปูทะเลมาสร้างเมนูอาหาร ปูทะเลดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วทุกพื้นที่มาเข้าพักโฮมสเตย์มากขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มอาชีพต่าง ๆ โดยที่ริเริ่มจากการเลี้ยงปู ทั้งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดจากการบริการจัดการที่ครบวงจร ซึ่งรัฐบาลโดยศอ.บต. หวังว่าจากการผลักดันเมืองปูทะเลจะสามารถจะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน
