นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยอมรับว่ารู้สึกตกใจหลังทราบข่าวว่า นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ถูกป.ป.ช.และบก.ปปป.บุกจับคาห้องประชุมฐานเรียกรับสินบนและโยกย้ายตำแหน่ง โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด รู้จากข่าวเท่านั้น และต้องรอให้ปลัดกระทรวงรายงานข้อเท็จจริงก่อน แต่อย่างไรก็ตามให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและระเบียบข้าราชการ
ส่วนที่จับพร้อมพยานหลักฐานเป็นเงินสด ถือเป็นการซื้อขายตำแหน่งแบบโจ่งแจ้งหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการปฎิบัติกับการปฎิบัติงานในระดับอธิบดีแต่ได้สั่งการผ่านปลัดกระทรวง จึงไม่ทราบว่าการวิ่งเต้นตำแหน่งในระดับกรมมีกระบวนการอย่างไร
ส่วนที่บุกจับในระหว่างการปฎิบัติหน้าที่ถึงห้องประชุม เป็นการกระทำที่รุนแรงไปหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกระบวนการ และไม่แตกต่างจากกรณีอื่นๆ
ทั้งนี้ ในการตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับอธิบดีและข้าราชการในกรมต่างๆนาย วราวุธ ย้ำว่าให้เป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงว่าจะต้องมีการพิจารณาใหม่หรือไม่ ซึ่งในระหว่างนี้ จะให้รองอธิบดีทำหน้าที่รักษาการแทนไปก่อน
โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ร่วมกับ ผบก.ปปป. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว นำกำลังเดินทางมายังอาคารสืบนาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญตัวนาย รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานฯ ไปทำการแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐาน”เป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดย ไม่ชอบด้วยหน้าที่ และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต”
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมอุทยานฯ จึงวางแผนสืบหาข้อมูลจนพบว่าหลักฐานมีเพียงพอจึงประสานบก.ปปป. เข้าจับกุม
และก่อนหน้านี้นาย ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิดนายรัชฎา พร้อมระบุว่า นายรัชฎา มีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม กลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้น จำนวน 500,000 บาทไปยังตำแหน่งอื่นๆ ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาหรือที่พักอาศัย
อีกทั้งยังมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม คิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ เช่น อุทยานแห่งชาติ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะเก็บ 18.5 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดำเนินงานและค่าใช้สอย, หน่วยป้องกันไฟป่า 30 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดำเนินงาน และ ค่าใช้สอย
ภายหลังรับเรื่อง จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาตรวจสอบข้อเท็จจริงนำมาสู่การเชิญตัว ไปแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมกับเข้าตรวจค้นพยานหลักฐานภายในห้องทำงาน ก่อนจะพาตัวเดินทางไปยังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า จากการตรวจค้นห้องทำงานของนายรัชฎา พบเงินสดประมาณ 5 ล้านบาทตำรวจจึงทำการยึดไว้ตรวจสอบต่อไป
เบื้องต้นการสอบสวนนาย รัชฎา ให้การปฏิเสธ และอ้างว่า มีคนนำซองไปให้โดยไม่รู้ว่าข้างในซองเป็นอะไร พร้อมขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น