อากาศเย็น ระวัง โรคใบไหม้-เหี่ยวเขียว ในมันฝรั่ง


สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นลง มีฝนตก บางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกมันฝรั่ง ในระยะการเจริญเติบโตทางลำต้น รับมือโรคใบไหม้ (เชื้อรา Phytophthora infestans) มักพบอาการของโรคที่ใบล่างก่อน โดยด้านบนใบพบจุดแผลฉ่ำน้ำสีเขียวหม่นคล้ายถูกน้ำร้อนลวก ต่อมาแผลจะขยายใหญ่ ตรงกลางแผลจะแห้งเป็นสีน้ำตาล บริเวณขอบแผลฉ่ำน้ำมีสีดำ

319153342 488336476778905 3829873959650856753 n
โรคใบไหม้

เมื่อพลิกดูด้านใต้ใบบริเวณตรงกัน ที่ขอบแผลจะมองเห็นเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ สีขาวใสติดอยู่ แผลจะลุกลามออกไป ทำให้ใบไหม้แห้งเป็นสีน้ำตาลในที่สุด หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม คือ อากาศเย็นและมีความชื้นสูง หรือในสภาพที่มีหมอกลงจัด โรคจะลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังต้นอื่น ๆ ทำให้มองเห็นใบไหม้แห้งกระจายเป็นหย่อม ๆ ในแปลง อาจพบอาการโรคที่ส่วนของลำต้นและกิ่งก้าน แผลมีสีน้ำตาลหรือสีดำ เมื่ออาการรุนแรงลำต้นและกิ่งก้านจะหักพับและแห้งตายอย่างรวดเร็ว หากโรคเข้าทำลายที่หัวจะทำให้หัวเน่า

319176311 488336586778894 3631437028775732641 n
โรคใบไหม้

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

1.หลีกเลี่ยงการปลูกมันฝรั่งในพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรคนี้มาก่อน

2.ไถพลิกดินตากแดด 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในดิน

3.ใช้ส่วนขยายพันธุ์ที่ไม่มีร่องรอยการติดเชื้อ

4.ปรับระยะปลูกไม่ให้แน่นเกินไป เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค

5.ไม่ให้น้ำมากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการให้น้ำในตอนเย็น

6.หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบต้นที่แสดงอาการโรค ควรถอนและนำไปทำลายนอกแปลงปลูก แล้วพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 30 – 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดเมโทมอร์ฟ 50% WG อัตรา 20 – 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไซมอกซานิล + แมนโคแซบ 8% + 64% WP อัตรา 50 – 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แมนโคเซบ + เมทาแลกซิล-เอ็ม 64% + 4% WG อัตรา 30 – 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไอโพรวาลิคาร์บ + โพรพิเนบ 5.5% + 61.3% WP อัตรา 40 – 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้ทั่วทั้งบนใบและใต้ใบ ทุก 5-7 วัน ไม่ควรพ่นสารชนิดใดชนิดหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ควรใช้สลับชนิดเพื่อป้องกันการดื้อยาของเชื้อรา สาเหตุโรค

7.แปลงที่พบการระบาดของโรค หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้เก็บซากพืช รวมทั้งหัวมันฝรั่งที่ตกค้างในแปลง นำไปทำลายนอกแปลงปลูก เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา สาเหตุโรค

ส่วนอีกโรคที่ต้องระวังเช่นกันช่วงอากาศเย็น เตือนผู้ปลูกมันฝรั่ง ในระยะ ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือ คือ โรคเหี่ยวเขียวหรือเหง้าเน่า(เชื้อแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum) ในมันฝรั่ง

319177039 488335690112317 6338287915119970672 n 1
โรคเหี่ยวเขียว

1. อาการของพืชส่วนที่อยู่ใต้ดิน หัวมันฝรั่งนิ่ม บริเวณตาหน่อแฉะมีสีน้ำตาล เมื่อบีบหัวจะพบของเหลวข้นๆ สีขาวขุ่น ไหลออกมา ถ้าเป็นรุนแรงจะทำให้หัวเน่า

๒. อาการของพืชส่วนที่อยู่เหนือดิน อาการเริ่มแรกต้นพืชสลด ยอด กิ่ง และใบเหี่ยวลู่ ใบล่างมีสีเหลืองซีด จากนั้นอาการเหี่ยวจะขยายและเหี่ยวทั้งต้น เมื่อตัดขวางลำต้นแล้วเอาปลายข้างที่ตัดจุ่มในน้ำจะมีของเหลวข้นๆ สีขาวขุ่น ไหลออกมา

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

1.ใช้หัวพันธุ์ที่ปลอดโรค

2. ใช้มีดที่สะอาดผ่าหัวพันธุ์ และจุ่มแอลกอฮอล์ ๗๐% หรือคลอร็อกซ์ ๑๐% ทุกครั้งที่ผ่าหัวเพื่อฆ่าเชื้อที่ติดมากับมีดไม่ให้แพร่ไปสู่หัวพันธุ์อื่นๆ

3. ไถดินตากแดด ๒-๓ ครั้งก่อนปลูก

4. เมื่อพบต้นเหี่ยว ให้ขุดต้นนำไปเผาทำลาย โรยปูนขาว หรือคลอรีนผงผสมน้ำ ๒-๕% ราดให้ทั่วหลุมเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ

5. หลังเก็บเกี่ยว นำส่วนต่างๆ ของพืชที่เป็นโรคและ หัวมันฝรั่งที่เสีย ไปเผาทำลาย

6. ปลูกพืชหมุนเวียนที่ไม่ใช่พืชอาศัยของเชื้อ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด เพื่อตัดวงจรชีวิตของเชื้อ

7. กำจัดวัชพืชที่เป็นพืชอาศัยในแปลงและรอบแปลงปลูก เช่น หญ้ายาง สาบแร้งสาบกา สาบเสือ หญ้าลิ้นงู หญ้าละออง และกะเม็ง

รู้จัก.. มันฝรั่ง

potatoes 411975 960 720
มันฝรั่ง

มันฝรั่ง หรือที่เรียกว่า มันอาลู มีต้นกำเนิดอยู่ที่เม็กซิโกและชิลี เป็นพืชล้มลุก ชอบอยู่ในอากาศที่หนาวเย็น ถ้าในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะปลูกกันทางภาคเหนือ

สำหรับมันฝรั่ง มีหลากหลายสายพันธุ์ ถ้าสายพันธุ์ในประเทศไทย จะเป็นสายพันธุ์ของพวกชาวเขาเผ่าต่าง ๆ จะมีลักษณะหัวกลม เนื้อสีขาว เปลือกมีสีเหลือง ๆ อย่างที่เห็นตามท้องตลาด ตามห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

ส่วนสายพันธุ์ต่างประเทศ ได้แก่ สายพันธุ์บินท์เจ (ประเทศเนเธอร์แลนด์) แต่ที่นิยมปลูกมากที่สุดคือ สายพันธุ์เมอร์คา, สปันตา และโดนาตา ทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ จะให้ผลผลิตสูงกว่าสายพันธุ์บินท์เจ

มันฝรั่ง เป็นพืชผักที่ชอบแสงแดด ชอบอยู่ในดินร่วนปนทราย สำหรับการปลูกมันฝรั่ง สามารถปลูกได้ 2 ช่วง คือ ในฤดูกับ นอกฤดู

ในฤดู (เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม) เป็นช่วงที่เหมาะแก่การปลูกมันฝรั่งอย่างมาก ส่วนใหญ่จะปลูกทางภาคเหนือ หรือที่ที่มีอากาศหนาวเย็น

นอกฤดู (เดือนเมษายน – ตุลาคม) สามารถปลูกได้ แต่ผลผลิตจะไม่ค่อยดีเท่ากับปลูกในฤดู

ตั้งแต่การปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว จะใช้เวลาอย่างน้อย 120 วัน (3-4 เดือน)

วิธีสังเกตง่าย ๆ ใต้ดินมีหัวมันแล้ว พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว คือ ต้นมันฝรั่งจะเริ่มออกดอก ดอกเริ่มร่วง หรือต้นเริ่มเหี่ยว ใบเริ่มเหลือง ถ้ามีลักษณะตามที่กล่าวมา สามารถเก็บเกี่ยวได้ทันที