นาย ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากการประชาสัมพันธ์ของกรมวิชาการเกษตร ไปยังนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ให้ทราบถึงการนำผลไม้สดเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกักพืช พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่มีเจตนากระทำความผิด ซึ่งหากตรวจพบเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายซึ่งมีโทษทั้งจำ และปรับรวมถึงยึดสินค้าเพื่อนำไปทำลายตามกฎหมายกักพืช
กรมวิชาการเกษตรได้ประสานกับทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรมการท่องเที่ยว กรมศุลกากร คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวรวมทั้งการออกสื่อประชาสัมพันธ์ตามช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนรับทราบทั่วกันนั้น
กรมวิชาการเกษตรขอขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน นักท่องเที่ยวที่ให้ความร่วมมือ และจากการสอบถามนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ พบว่า มีการรับรู้ และรับทราบถึงข้อปฏิบัติมากขึ้นจากสื่อประชาสัมพันธ์ และมีนักท่องเที่ยวที่นำผัก ผลไม้ติดตัวมาได้นำมาทิ้งใน Quarantine bin (Q-Bin) ก่อนเดินทางเข้าประเทศ
ซึ่งกรมวิชาการเกษตร อยากจะเน้นย้ำ หากจะนำเข้าต้องปฏิบัติให้ถูกต้องโดยต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืชจากประเทศต้นทาง ใบอนุญาตนำเข้าจากกรมวิชาการเกษตร และต้องแจ้งนำเข้ากับด่านตรวจพืช
ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการเก็บรักษาสินค้าผัก ผลไม้ที่ผู้โดยสารสละการครอบครอง และสินค้าจาก Q-Bin จากผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากต่างประเทศที่ไม่มีเจตนาซุกซ่อนเข้าประเทศด้วยวิธีการแช่เย็นหลังจากทำการตรวจสอบศัตรูพืชเบื้องต้น เพื่อรอส่งทำลาย
และเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นางสาวทิพวรรณ เกิดศิริ หัวหน้าด่านฯ และคณะกรรมการทำลายสินค้าเกษตรฯ ได้รวบรวมสินค้าส่งทำลายด้วยวิธีการเผาด้วยอุณหภูมิสูง และเป็นการป้องกันความเสี่ยงศัตรูพืช เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม และระบบนิเวศของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม