มีรายงานว่า นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงนามคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ 859/2565 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 เรื่องให้ข้าราชการลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 แล้ว โดยข้าราชการรายดังกล่าว คือ นายชลธี นุ่มหนู ผอ.กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร อดีต ผอ.สวพ.6
โดยท้ายคำสั่ง ระบุว่า ลาออกเนื่องจากต้องการไปประกอบอาชีพอื่นและดูแลบุพการี ซึ่งเป็นไปตามที่นายชลธี เคยประกาศไว้แล้วว่า เวลาที่เหลืออายุราชการอีกราว 5 ปี จะขออยู่ช่วยและแก้ปัญหาให้ชาวสวนภาคตะวันออก หากมีคำสั่งย้ายก็จะขอลาออก
และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก ได้รวมตัวกันที่ อบจ.จันทบุรี ถกปัญหาผลไม้ และแนวทางทุเรียนเตรียมแก้ปัญหาทุเรียน ปี 2566
โดยเสนอแนวทาง 4 ข้อ ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หนึ่งในนั้นคือให้ทางจังหวัดจันทบุรี ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการสั่งย้ายนายชลธี นุ่มหนู เข้า กทม.
นายชลธี เปิดเผยว่า รับทราบการลงนามคำสั่งลาออกจากราชการแล้ว และมีผลตามที่แจ้งไว้คือ 1 ธันวาคม 2565 จากนี้จะเดินหน้าทำสวนทุเรียนของตัวเอง และจะจัดตั้งกลุ่มหรือสมาคม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้วยกัน คือ สมาคมเครือข่ายพิทักษ์ทุเรียนไทย หรืออาจเป็นอีกองค์กร คือ ฟรุ้ตบอร์ดภาคประชาชน เพื่อทำงานคู่ขนานกับภาครัฐ และทีมเล็บเหยี่ยวพิทักษ์ทุเรียนไทย เพราะหากไม่มีองค์กรภาคประชาชนร่วมตรวจสอบควบคู่ อาจมีคนบางกลุ่มใช้อำนาจข่มเหงเจ้าหน้าที่รัฐ แต่หากองค์กรภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย จะช่วยทำให้การทำงานของภาครัฐเดินหน้าและไม่ต้องกลัวอิทธิพลใดๆ
ขณะที่กลุ่มชาวสวนภาคตะวันออกหลายคน เห็นด้วยกับแนวทางขับเคลื่อนการทำงานภาคประชาชนควบคู่กับภาครัฐ ในภาวะที่ไม่มีข้าราชการน้ำดีอย่างนายชลธี นุ่มหนู แม่ทัพทีมเล็บเหยี่ยว เพราะการที่จะหาข้าราชการที่ทำงานเอาจริงเอาจัง ทำงานเพื่อเกษตรกร และชนทุกคนที่ทำผิดกติกาแบบนายชลธี คงหายาก การที่นายชลธี จะออกมาขับเคลื่อนองค์กรภาคประชาชนจะกลายเป็นผลดีที่กระตุ้นให้ภาครัฐทำงานเนื่องจากคลุกคลีกับชาวสวน และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นดลอดจนแนวทางแก้ไขเชิงรุก ซึ่งจะเห็นได้จากผลงานปี 2565 ที่ผ่านมา ที่ทีมเล็บเหยี่ยว ดำเนินการแก้ปัญหาได้ทันการและเข้าใจผู้ประกอบการ และนำปัญหา มาวางแนวทางแก้ไขร่วมกันอีกด้วย