“อลงกรณ์”โต้”สนธิ ลิ้ม” ประกาศชัดไม่ยอมให้ใครผูกขาดทุเรียนไทย พร้อมชนทุนผูกขาด ลั่นใครเอี่ยวฟันเด็ดขาด มั่นใจผลงานทีมประชาธิปัตย์ 3 ปี ดันทุเรียนไทยผงาดแชมป์จีนสร้างรายได้ทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ชี้แจงวันนี้ว่า ตามที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกรายการ Sonthitalk(ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง)เผยแพร่ทางยูทูปเรื่อง”แฉทุนจีนสีเทาผูกขาดทุเรียนไทย” ต้องขอบคุณที่ให้ความสนใจนำเสนอเรื่องดังกล่าวและได้ให้คำแนะนำในเรื่องการป้องกันการผูกขาดและการค้าทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพ รวมทั้งปัญหาล้งนอมินี ที่อาจกระทบต่อทุเรียนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ซึ่งสอดคล้องกับข้อห่วงใยของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด)เช่นเดียวกันโดยได้ให้กรมวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี2562 ซึ่งเป็นปัญหาที่หมักหมมสะสมมานานให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้จากผลการบริหารจัดการผลไม้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจนสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับสามารถยกระดับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลไม้ไทยโดยเฉพาะทุเรียนจนประสบความสำเร็จทำให้ผู้บริโภคจีนเขื่อมั่นในคุณภาพผลไม้ไทย ส่งผลให้ราคาทุเรียนหน้าสวนและหน้าล้งดีต่อเนื่องมากว่า2ปีทำรายได้เพิ่มให้กับชาวสวนทุเรียนของไทยแม้ว่าต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด19และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งต้องทำงานด้วยความยากลำบาก แต่ก็ฝ่าฟันมาได้
เป็นผลให้ในปีที่ผ่านมาผลไม้ไทยสามารถครองใจผู้บริโภคชาวจีนจนครองส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 40 % ตามมาด้วยชีลิที่เป็นอันดับ2ซึ่งครองสัดส่วนตลาด 15 % และเวียดนามครองอันดับที่3 ด้วยสัดส่วนตลาด 6 % สามารถสร้างรายได้จากตลาดจีนกว่า 2 แสนล้านบาท
ยิ่งกว่านั้นทุเรียนสดของไทยยังสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดโลกกว่า70%และครองส่วนแบ่งในตลาดจีนสูงเกินกว่า 90 % ด้วยปริมาณการส่งออกไปตลาดจีนกว่า 8 แสนตันคิดเป็นมูลค่าทะลุ 1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สำหรับปีนี้ได้ส่งออกทุเรียนสดไปจีนแล้วกว่า 7 แสนตันมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาทระหว่างวันที่ 1 ก.พ.ถึง 17 พ.ย.2565
ความสำเร็จข้างต้นเป็นผลมาจากยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตและยุทธศาสตร์3 s(safety security sustainability)โดยรูปแบบการทำงานเชิงรุกล่วงหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนด้วยกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆแบบออนไลน์ออฟไลน์และการทำพิธีสารส่งออกนำเข้าผลไม้ไทย-จีนฉบับใหม่ จนเปิดด่านจีนได้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ด่าน และสามารถเพิ่มการขนส่งทางรางด้วยรถไฟจีน-ลาวได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยกำลังขยายเป้าหมายเส้นทางขนส่งผลไม้และสินค้าเกษตรของไทยไปยังเอเซียกลาง ตะวันออกกลางและยุโรป
“ส่วนหนึ่งของความสำเร็จเป็นผลมาจากนโยบายยกระดับคุณภาพมาตรฐานและมาตรการป้องกันการปนเปื้อนโควิดของผลไม้ไทย โดยเฉพาะการปราบปรามทุเรียนอ่อน ทุเรียนด้อยคุณภาพ และทุเรียนสวมสิทธิ์ อย่างเด็ดขาดของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานฟรุ้ทบอร์ด”
โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร ทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สมาคมผลไม้ สหกรณ์และตัวแทนเกษตรกร โดยต้องไม่ให้ลูบหน้าปะจมูกเช่นกรณีการแอบอ้างเป็นที่ปรึกษาหรือคนรู้จักกับฝ่ายการเมือง ไม่ว่าพรรคฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ต้องไม่ละเว้นให้ดำเนินคดีให้หมดทุกราย
และหากนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ทุจริตต่อหน้าที่โดยเรียกรับผลประโยชน์จะถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด ยืนยันว่าไม่มีฝ่ายการเมืองในกระทรวงเกษตรฯ ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทา จึงขอให้กลั่นกรองข่าวสารข้อมูลอย่างถ้วนถี่ หรือตรวจสอบข้อมูลกับฟรุ้ทบอร์ดหรือตนได้ตลอดเวลา ทั้งในและนอกเวลาราชการ
ส่วนกรณีใบรับรอง GAP จำนวน 8 หมื่นฉบับ ที่ต้องปรับระหัสตามระบบใหม่เพื่อให้การบริหารข้อมูล GAP ของประเทศไทยและประเทศจีนทันสมัยมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบย้อนกลับ(traceability)ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำงานแบบใหม่ ทางอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้รายงานต่อฟรุ้ทบอร์ดว่า ได้จัดหน่วยพิเศษเพิ่มขึ้นเพื่อดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยทันฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงแน่นอน
“การบริหารจัดการผลไม้ยังต้องแก้ไขปัญหาอีกมากทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบไม่ใช่ว่า3ปีจะแก้ไขได้หมดทุกเรื่องทุกประเด็นโดยเฉพาะเรื่องปัญหาคุณภาพมาตรฐานและปัญหาระบบการค้าเพราะเป็นปัญหาที่หมักหมมสะสมมานานหลายสิบปีรวมทั้งการยกระดับการป้องกันการปนเปื้อนของโควิด19เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19ระลอกใหม่อย่างรุนแรงในประเทศจีนในช่วงนี้และยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใดก็ต้องสร้างความพร้อมในการรับมือเผชิญหน้ากับปัญหาผลผลิตเพิ่มและคู่แข่งใหม่ๆภายใต้แผนบริหารจัดการผลไม้5ปีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเด็นที่ว่ากลุ่มทุนจีนสีเทาวิ่งเต้นอยู่เบื้องหลังการย้าย ผอ.สวพ.6 เพื่อเปิดช่องให้ขบวนการค้าทุเรียนอ่อนสมประโยชน์นั้น ยืนยันว่า ไม่มีใครมาวิ่งเต้นให้ย้าย ผอ.สวพ.6 ซึ่งเหตุผลการโยกย้ายเป็นไปตามที่อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้แถลงชี้แจงไปแล้วอยู่จังหวัดเดียวมา 30 กว่าปี มีประสบการณ์ความรู้ ควรไปช่วยทุกภาคเพื่อประโยชน์ของผลไม้ทั้งประเทศ วันหน้าเป็นรองอธิบดีเป็นอธิบดีได้ ไม่อยากให้ลาออก หรืออาจจะไปเล่นการเมืองเป็น ส.ส.แบบพี่ชาย ก็ห้ามกันไม่ได้
ขออย่างเดียวอย่าเอาการเมืองมาปั่น จนกระทบการค้าการส่งออกทุเรียนไปจีน ที่กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดีการออกข่าวหรือเคลื่อนไหวอะไร ให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยกับจีน และความรู้สึกของคนจีน ที่มีความรักคนไทยและผลไม้ไทย มิฉะนั้นจะกลายเป็นทุบหม้อข้าวชาวสวนผลไม้ไทยทั้งประเทศ
ทั้งนี้ฟรุ้ทบอร์ดได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตร ต้องทำงานแก้ไขปัญหาทุเรียนอ่อนทุเรียนด้อยคุณภาพทุเรียนสวมสิทธิ์ให้ดีกว่าเดิมยิ่งๆขึ้นไปอีก
ที่ผ่านมาจับกุมดำเนินคดีได้น้อยมาก ตรวจแล้วปล่อยก็มี และคดีก็ช้าผิดปกติ ซึ่งได้มอบให้รองปลัดกระทรวงเกษตรและผู้ตรวจราชการกระทรวง ลงไปช่วยสนับสนุนการทำงานในพื้นที่อีกแรงหนึ่ง เพราะยิ่งตลาดดี ราคาดี คนก็มาปลูกมาค้าทุเรียนมากขึ้น มีมือใหม่ๆเพิ่มขึ้น เนื่องจากเห็นเป็นโอกาสทองของทุเรียนไทยโดยฟรุ้ทบอร์ด พร้อมส่งเสริมคนไทยให้เป็นผู้ประกอบการล้งอย่างต่อเนื่อง และจะมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบปัญหาการขายสวนทุเรียนให้ต่างชาติ ปัญหาทุนสีเทา ปัญหานอมินี และเรื่องสินเชื่อพิเศษ สำหรับผู้ประกอบการล้งต่อไป
“เราจะไม่ยอมให้ใครมาผูกขาดทุเรียนไทย โดยเฉพาะผมที่ยืนคนละฝั่งกับกลุ่มทุนผูกขาด ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน ไม่เคยกลัว อย่าว่าแต่ทุนใหญ่ต่างด้าวเลย แม้แต่ยักษ์ใหญ่ในประเทศ ก็ชนมาแล้ว” นายอลงกรณ์กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด