ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หลังการประกาศพบการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร(ASF)ในเมืองไทยโดยกรมปศุสัตว์ ทำให้ผู้เลี้ยงสุกรทั้งระบบต่างให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบความปลอดภัยทางชีวภาพของฟาร์ม จนทำให้ปัจจุบันปัญหาการระบาดของ ASF เริ่มที่จะเบาบางลง
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนของผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ เข้าหารือ นายสัตวแพทย์ สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์เพื่อเป็นแนวทางที่จะร่วมกันทำงานในปี 2566 ใน 5 ประเด็นสำคัญคือ
1.ปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ เป็นจำนวนมากเป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการอุปทานผลผลิตสุกร ซึ่งกระทบกับอาชีพการเลี้ยงสุกรในปัจจุบัน และทำให้เกษตรกรขาดความเชื่อมั่นในการกลับเข้ามาเลี้ยงใหม่ หลังได้รับความเสียหายจากโรคระบาด
2.หลังการระบาดของ ASF สมาคมฯ มีความกังวลประเด็น ปริมาณผลผลิตสุกรอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในอนาคต ถึงแม้ว่าในปี 2565 กรมปศุสัตว์ได้ทำการประเมินปริมาณผลผลิตสุกรยังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศก็ตาม
3.การจัดตั้งกองทุนพัฒนาอุตสาหกรรมสุกรไทย ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ มีความเกี่ยวโยงกับระเบียบที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยในระหว่างดำเนินการนั้น สมาคมฯ ได้มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนคู่ขนานกันไป โดยผู้เลี้ยงสุกร และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง
4.ปัญหาการเป็นพื้นที่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) ที่ยังคงเป็นอุปสรรค ทั้งในด้านการค้าระหว่างประเทศ และการจัดการด้านสุขภาพ เป็นอีกหนึ่งข้อกังวลของสินค้าสุกรในการขยายตลาดต่างประเทศ
5.ผู้ประกอบการค้าสุกรมีชีวิต (โบรกเกอร์) เป็นคู่ค้าที่ต้องติดต่อค้าขาย เป็นห่วงโซ่ที่สำคัญในด้านการจัดการอุปทานสุกร และเนื้อสุกรในอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการสานประโยชน์ให้เกิดความเป็นธรรม
ทั้งนี้อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้ให้ความมั่นใจกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสุกรอย่างเต็มกำลัง