วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงแรมบลูแรบบิท ( Blue Rabbit Hotel ) อ.เมือง จ.จันทบุรี นาย ภานุศักดิ์ สายพานิช ประธานที่ปรึกษาสมาคมทุเรียนไทย ร่วมลงนามทำ MOU กับ นาย เงวียน ทัน บิ่น นายกสมาคมผลไม้พืชผัก ประเทศ เวียดนาม ในการร่วมพัฒนาห่วงโซ่ทุเรียนทั้งระบบ และแลกเปลี่ยนข้อมูล ปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องของด่านส่งออก การพัฒนาคุณภาพทุเรียน การค้าการลงทุนในภาคการผลิตทุเรียน ซึ่งทั้งสองฝ่ายทั้งประเทศไทยและประเทศเวียดนามต่างมีความยินดีที่ได้มาร่วมลงนามในการทำ MOU ในครั้งนี้
นาย ภานุศักดิ์ สายพานิช ประธานที่ปรึกษาสมาคมทุเรียนไทย ได้กล่าวว่า ” ในส่วนของภาคเอกชน มีความยินดีที่ได้ร่วม นามในการทำ MOU กับทางสมาคมผลไม้พืชผัก ประเทศเวียดนาม เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องด่านขนส่งของทั้งสองประเทศให้เกิดความราบรื่นในการค้าขายกับประเทศปลายทางที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ของเรา “
ทางด้าน นาย เงวียน ทัน บิ่น นายกสมาคมผลไม้พืชผัก ประเทศเวียดนาม ก็ได้กล่าวเสริมว่า “เป้าหมายในการมาจังหวัดจันทบุรีในครั้งนี้ของเรา เพื่อจะมาศึกษาดูงานการผลิตทุเรียนของจังหวัดจันทบุรี เพื่อหวังว่าจะมีการร่วมมือในการเรียนรู้และแบ่งปันในเรื่องของการผลิตทุเรียนคุณภาพและประกอบการส่งออกทุเรียน เรามีความยินดีที่ได้มีการร่วมมือกับทางประเทศไทยในเรื่องทุเรียนทั้งสองประเทศในทุกๆด้าน “
โดยการทำ MOU ในครั้งนี้เป็นการทำ MOU ความร่วมมือเบื้องต้นเพื่อให้ทั้งสองประเทศได้รับทราบถึงความต้องการในด้านต่างๆในห่วงโซ่ทุเรียนเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันทั้งสองประเทศในอนาคต
ปัจจุบันประเทศเวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่ 2 ที่ได้รับการอนุญาตส่งทุเรียนผลสดไปยังประเทศจีนได้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินต์ ระบุว่า ปี 2564 เวียดนามมีพื้นที่ปลูกทุเรียน 50,000 เฮกตาร์ หรือราว 3.12 แสนไร่ มีผลผลิตราว 642,600 ตัน ส่วนใหญ่ปลูกทางภาคใต้ของเวียดนาม เช่น จังหวัด Dak Lak จังหวัด Lam Dong จังหวัด Dong Nai จังหวัด Vinh Long และจังหวัด Ben Tre ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในปี 2569 เวียดนามจะมีปริมาณผลผลิตทุเรียนอยู่ที่ 700,643 ตัน
นอกจากทุเรียนสายพันธุ์ท้องถิ่นที่ได้รับความนิยม อาทิ สายพันธุ์ Ri 6 (35% ของพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ) / สายพันธุ์ Hat Lep Chuong Bo สายพันธุ์ Kho Qua Xanh และสายพันธุ์ Chin Hoa แล้ว เวียดนามยังมีการปลูกทุเรียนสายพันธุ์ไทยอย่างหมอนทอง (40% ของพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ) และก้านยาว รวมถึงสายพันธุ์ Cai Mon ของกัมพูชาด้วย
เมื่อเดือนกันยายน 2565 ทุเรียนสดล็อตแรกของเวียดนาม น้ำหนัก 18.24 ตัน มูลค่า 512,400หยวน หรือราว 2.7 ล้านบาท ได้ลำเลียงเข้าประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้วผ่านด่านโหย่วอี้กวาน
ความได้เปรียบของทุเรียนเวียดนาม คือ เวียดนามมีฤดูเก็บเกี่ยวทุเรียนยาว ได้ผลผลิตต่อปีค่อนข้างสูง ที่สำคัญ การที่เวียดนามเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับจีน การขนส่งมีระยะทางสั้น ช่วยให้ผลทุเรียนยังคงความสดใหม่และมีต้นทุนต่ำ
สมาคมทุเรียนไทยจึงเสนอเรื่องของด่านเป็นเรื่องสำคัญในการร่วมทำ MOU กับทาง สมาคมผลไม้พืชผัก ประเทศเวียดนาม ในครั้งนี้