เจาะกลางใจ โดย ขุนพิเรนทร์
6 พฤษภาคม 2565 วันดีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยขุนพลประชาธิปัตย์ เยือนเมืองย่าโมโคราช ท่ามกลางบรรยากาศต้อนรับด้วยดอกกุหลาบและป้ายเชียร์ “จุรินทร์ที่หนึ่งในดวงใจ”
“จุรินทร์” นำทีมลงพื้นที่เมืองย่าโม ในครั้งนี้เพื่อติดตามประกันรายได้ปลูกข้าว และ มันสำปะหลัง
“วันนี้มันสำปะหลังกิโลกรัมละ 3.20-3.30 บาทแล้ว ประกันรายได้จะช่วยพวกเราในยามที่พืชเกษตรราคาตก จะทำให้มีรายได้ 2 ทางจากราคาที่ขายในตลาดและส่วนต่างจากรายได้ที่ประกัน”
เป็นวลีเด็ด ประโยคทองของรองนายกรัฐมนตรี แต่…เดียวก่อน “ขุนพิเรนทร์” เขียนถึงท่านรองจุรินทร์ทั้งทีต้องมีที่เด็ดมากกว่านั้น ต้องระดับประโยคทองคำฝังเพชร
“ในช่วงปีกว่ามานี้ปุ๋ยแพงจริง ซึ่งปุ๋ยมีอยู่ 2 ประเภท 1.ปุ๋ยเคมี 2.ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งปุ๋ยอินทรีย์สามารถทำเองได้แต่ไม่พอใช้และไม่ทันใจ ปุ๋ยเคมีต้องนำเข้า 100% ราคาขึ้นอยู่กับตลาดโลก เมื่อน้ำมันแพงทำให้ปุ๋ยแพงทั้งต้นทุนผลิตและค่าขนส่ง”
เห็นยังครับ ระดับรองนายกรู้ปัญหาของจริง แต่ที่ “ขุนพิเรนทร์” สนใจที่สุดคือแนวทางแก้ปัญหาปุ๋ยแพงตามแนวทางของพาณิชย์จะเป็นอย่างไร เพราะอย่างน้อยๆฟากฝั่งกระทรวงเกษตรฯขุนพิเรนทร์เคยโยนหินถามทางแอบแง้มแนวคิดช่วยเกษตรกรกระสอบละ 200 บาท จำนวน 5 ล้านราย รายละไม่เกิน 10 กระสอบ ทั้งหมดนี้ผ่านกลุ่มหรือสถาบันเกษตรกร รวมไปถึงแนวทางขับเคลื่อนการส่งเสริมปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง การส่งเสริมศูนย์ดินและปุ๋ยฯลฯ แล้วพาณิชย์จะคิดเหมือนเกษตรฯหรือไม่
“สิ่งที่รัฐบาลจะช่วยได้มี 2 ทาง
1.จัดปุ๋ยราคาพิเศษขายให้กับกลุ่มเกษตรกร ให้รวมตัวเป็นสหกรณ์จัดราคาพิเศษลดต้นทุนบางส่วน
2.กระทรวงพาณิชย์จะพยายามตรึงราคาไว้โดยพิจารณาต้นทุนนำเข้าปุ๋ย ให้ผู้นำเข้าพออยู่ได้และไม่เบียดเบียนเกษตรกรจนเกินไป
โดยตนมอบเป็นนโยบายว่าการพิจารณาปรับราคาปุ๋ยต้องดูตามต้นทุนที่เป็นจริง ซึ่งรัฐบาลและพวกตนพยายามช่วยให้กระทบความเดือดร้อนของเกษตรกรให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”
นี่เป็นแนวคิดของพาณิชย์ โดยท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ว่ากันตามตรง ขุนพิเรนทร์เอาตีนก่ายหน้าผาก นอนคิดทั้งคืนๆแน่ๆ เกษตรกรจะไหวหรือเปล่า ถ้าหัวหน้าจุรินทร์นำไม่ได้ให้เลขาเฉลิมชัยลองนำดูไหม เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรถามเกษตรเยอะๆ อย่าเอาพาณิชย์เป็นตัวตั้ง เอาเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง พาณิยช์ขับเคลื่อนสนับสนุนให้เกษตรเดินไปได้ ไม่ใช่เดินกันคนละทิศคนละทาง
ประเภทกระสอบละ 20 บาทเลิกคิดไปเถอะครับ นี่โยนหินมาแล้ว 200 ไหวมั้ย จะเอาหรือเปล่า ระยะสั้นแก้อย่างไร ระยะกลาง ระยะยาว ต่อให้ต้องรบกับ NGOs เพื่อให้โรงงานผลิตแม่ปุ๋ยเกิดขึ้นก็ต้องทำ
ไม่กล้าแลก ไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าช่วยเกษตรกร ระวังเสียงหาย เดือดร้อนลูกพี่ต่อของขุนพิเรนทร์อีก ยิ่งมั่นใจจะนำปชป.กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งมีหวังม้วนเสื่อกลับบ้านดาวล้อมเดือนแน่ๆ
วันนี้เกษตรกรต้องการแบบเน้นๆช่วยให้เป็นรูปธรรม ประเภทพูดสวยๆไม่ได้แล้วนะท่านรองนายกฯ