ที่เฟซบุ๊กของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความว่า นโยบาย “กัญชา”ของพรรคภูมิใจไทยหลังวันที่ 9 มิถุนาฯ 65 ประชาชนปลูกง่ายเพื่อใช้ในครัวเรือน ผ่านการจดแจ้ง
การแจก “กัญชา” 1 ล้านต้น จะเป็นคำตอบ ไม่มีใครผูกขาดได้ ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจ สามารถทำได้ ไม่มีผูกขาด
แต่มีระเบียบกฎเกณฑ์ ในการเข้าสู่ธุรกิจ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการประกอบธุรกิจ เป็นเรื่องปกติไม่ใช่การประมูลสัมปทานแบบผูกขาด
เป็นโอกาสให้ประชาชนกับรัฐ มีรายได้จากกัญชา กัญชง เม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท เป็นรายได้ใหม่จากกัญชา กัญชง
เปิดเวทีให้ประชาชนมาแสดงผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญาและจำหน่ายสินค้าจาก “กัญชา กัญชง” ได้ทั่วประเทศ ไม่มีใครผูกขาดได้ ทุกเวที มีแต่ประชาชนรายย่อย มานำเสนอสินค้า
กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินการกับผู้ละเมิดกฎหมาย เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง รังแก
“กัญชา” ไม่มีสัมปทานเป็นการแข่งขันเสรี เป็นตลาดเสรี เพียงต้องทำตามกฎหมายต่างจาก เหล้าที่รายใหญ่ 2-3 รายได้สิทธิจากการประมูล จากนั้นเจ้าหน้าที่ไล่จับประชาชน ไม่ให้ได้ผุดได้เกิด
“ไก่ย่างกัญชา” ตัวละ 300 บาท ใครๆ ก็ทำขายได้ เมื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ใช้ “กัญชา” จากการปลูกที่ได้รับอนุญาต หรือ จดแจ้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนรายย่อยขายแบบนี้ ไม่ต้อง มี อย.
แต่ถ้ารายใหญ่จะทำใส่ซอง ใส่กล่อง ติดชื่อสินค้า มีโฆษณา ต้องขอ อย. นี่คืออนาคต “กัญชาไทย”
หลังวันที่ 9 มิถุนาฯ 65
ทั้งนี้เฟซบุ๊กของนายอนุทินยังได้โพสต์ภาพ “ไก่ย่าง” ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก“กัญชา”
ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน เคยให้สัมภาษณกับสื่อมวลชนโดยระบุว่า สันทนาการนั้นเเป็นเพียง “ผลพลอยได้” ของ “นโยบายกัญชาเสรี” ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การใช้เพื่อการแพทย์
และยืนยันว่าการที่จะทำ “กัญชาเสรี” ก็ทำเพื่อส่วนรวมและทางการแพทย์ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเพื่อความเฮฮาเพื่อสันทนาการ หรือเอาไป ‘ปุ๊น’ กันตามถนน ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องทำคือ “ปลดกัญชา” ออกจากการเป็นยาเสพติด และต้องผลักดันให้มีกฎหมายที่ใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างเสรี เป็น “พืชวิสาหกิจชุมชน” ทุกอย่างมีขั้นตอนที่ต้องทำ
เราต้องได้เห็น“ปลูกกัญชา” บ้านละ 6 ต้นอย่างแน่นอน เพราะพรรครู้มาตลอดว่านโยบายนี้ทำให้พรรคได้รับโอกาสเข้ามาในสภาครั้งนี้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่มีพรรคภูมิใจไทยสมัยหน้า