ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความพยายาม “ปล่อยข่าว” กดราคา “ผลปาล์มดิบ”
ที่สร้างความน่า “ตกอกตกใจ” ก็ข่าว “โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม” และ “ลานเท” งดรับซื้อปาล์ม แล้วยัง “ผสมปนเป” กับข่าว “ปุ๋ยราคาแพง” สวนทางปาล์มราคาตก
แต่พอ “กรมการค้าภายใน” เข้าไปตรวจสอบจริง พบว่า เป็น “ข่าวปล่อย-ข่าวโคมลอย”
อย่างเรื่อง “หยุดรับซื้อ” ก็แค่หยุดให้คนงานไป “ร่วมทำบุญ” ในงานวันสารทเดือน 10 ซึ่งหยุดกันเป็นประจำทุกปี แค่ 1-2 วันเท่านั้น
เมื่อลงพื้นที่ไปตรวจกันจริง ๆ ก็ “ไม่พบ” ว่า มีใคร “หยุดรับซื้อ” ยังคง “เปิดรับซื้อ” กันเป็นปกติ
ส่วนเรื่อง “ปุ๋ยแพง” นี่ก็ปล่อยกันเกินจริง จน “นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน” ต้องเรียกประชุม 3 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับปุ๋ยมีสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
ผลประชุมสรุปว่า ราคาปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะ “ยูเรีย” ที่ใช้กันมาก ราคา “ปรับลดลง” อย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่ พ.ค.2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น “สูงสุด” มาถึงตอนนี้ ราคาลดลงมาแล้วประมาณ 20%
ยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ ปุ๋ยยูเรีย ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดประมาณ “1,600 บาทต่อกระสอบ” ขณะนี้ราคา “1,300 บาทต่อกระสอบ”
แต่ที่ราคาปลายทางไม่ลด อาจจะมี “ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เอเย่นต์” จำหน่ายปุ๋ยเคมี “ไม่ยอมลด” ก็เลยทำให้ราคายัง “ค้างเติ่ง” อยู่ที่เดิม
นายวัฒนศักย์ บอกว่า ได้ย้ำกับสมาคมไปแล้ว ให้ย้ำกับสมาชิก ย้ำยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เอเย่นต์ ให้ “ปรับลดราคา” ลงมาให้สอดคล้องกับต้นทุน เพราะสมาคมยืนยันว่า “ราคาต้นทาง” ปรับลดแล้ว “ราคาปลายทาง” ก็ต้องลดลงด้วย
ตอนนี้กำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ ถ้าพบ “การฉวยโอกาส” ไม่ปรับลดราคาให้สอดคล้องกับต้นทุน จะเข้าข่าย “ค้ากำไรเกินควร” ถูกดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด “มีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ส่วนในระยะต่อไป จะติดตามสถานการณ์ราคาปุ๋ยอย่างใกล้ชิด ถ้า “ราคาตลาดโลก” หรือ “ต้นทุนนำเข้า” ลดลง ก็จะขอให้ผู้ผลิตปรับลดราคาลงอีก
แต่ก็ต้อง “จับตา” ใกล้ชิด เพราะสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังยืดเยื้อ อาจจะส่งผลกระทบทำให้ “ราคาปุ๋ยเคมี” ยังไม่ลดลงเร็วนัก เพราะ “ก๊าซธรรมชาติ” ที่เป็น “ต้นน้ำ” ของปุ๋ยเคมียังน่า “เป็นห่วง” หรือกระทั่ง “เงินบาท” ที่อ่อนค่า ก็ทำให้ “ต้นทุนนำเข้า”สูงขึ้น
แต่เชื่อว่าราคาน่าจะ “ทรงตัว” และเป็น “ขาลง” คงไม่ “รุนแรง” เหมือนที่ผ่านมา
“เรื่องปุ๋ยเคมี” ก็น่าจะ “เบาใจ” ลงได้ในระดับหนึ่ง
กลับมาที่สถานการณ์ “ราคาผลปาล์มดิบ” ขณะนี้ “เห็นแวว” ชัดเจนว่ากราฟกำลังเป็น “ขาขึ้น”
หนึ่ง ขาขึ้นจาก “ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลก” เริ่มปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้ “พลังงานทดแทน” ในกลุ่มไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น หลังจากที่ “โอเปก” มีมติ “ปรับลด” การผลิตน้ำมันลง
เห็นได้จาก ราคา “น้ำมันปาล์มดิบ” ตลาดล่วงหน้าของมาเลเซีย ณ เดือนพ.ย.2565 อยู่ที่ 3,604 ริงกิตต่อตัน หรือ 29.46 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค.2565 ที่ 3,532 ริงกิตต่อตัน หรือ 28.87 บาท/กก.
สอง ขาขึ้นจาก “คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.)” มีมติให้ “ปรับเพิ่ม” สัดส่วนการผสม “ไบโอดีเซล” ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B5 เป็น B7 ตามข้อเสนอของ “คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม” ที่มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน
มตินี้ ดีเดย์วันที่10 ต.ค. ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2565 รวมแล้วเกือบ ๆ 3 เดือน คาดว่าจะช่วย “ดูดซับ” ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบได้ไม่ต่ำกว่า “20,000 ตันต่อเดือน”
สำหรับกรณีที่ “เกษตรกร” บางส่วน “ถูกกดราคารับซื้อ” ก็ต้องไปดูว่า ปาล์มที่ตัดมาขาย “เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์ม” ได้คุณภาพหรือไม่
ถ้าตัด “อ่อน” ไม่ตัด “แก่” แน่นอนว่าราคาก็จะ “ลดหลั่น” ลงตาม เพราะฉะนั้น “ทางแก้” ก็ต้องตัดปาล์มคุณภาพ ตัดปาล์มสุก
แต่ถ้าถูกกดราคาจากพ่อค้าจริง ๆ “นายวัฒนศักย์” บอกว่า ให้ร้องเรียนมาได้ ที่ 1569 หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ จะเข้าไปตรวจสอบและจัดการให้
จากการติดตามสถานการณ์มาถึง ณ จุดนี้ ผู้เขียนเห็นว่า ปัจจัยทุกอย่าง บ่งชี้ไปใน “ทิศทางบวก” ต่อราคาผลปาล์มดิบ ที่จะ “ขยับขึ้น” ต่อเนื่อง
ใครที่กำลัง “พยายาม” จะกดราคาปาล์ม หรือ “ปล่อยข่าว” กดราคาปาล์ม หรือ “กำลังใช้” สถานการณ์ราคาปาล์ม เพื่อหาประโยชน์ใด ๆ
ขอให้ “หยุด” ไว้ตรงนี้ อย่า “กวนน้ำให้ขุ่น”
ตอนนี้ “กลไกตลาด” และ “มาตรการเสริม” กำลังทำงาน
ก็ควรปล่อยให้ “ทำงาน” กันไปก่อน
ถ้าราคา “ไม่ดีขึ้น” ก็ค่อย “ท้วง” ค่อย “ติง”
เพราะ “กรมการค้าภายใน” เขา “รับฟัง” ทุกเสียงสะท้อนอยู่แล้ว
ที่มา เว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์