นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย กล่าวตั้งข้อสงสัยถึงเหตุไม่ชอบมาพากล โรงงานยางพาราได้รับอนุญาตประกอบกิจการทั้งที่ไม่ผ่านประชาคม โรงงานไม่มีระบบจัดการที่ดี สร้างความเดือนร้อนกระทบคุณภาพชีวิตประชาชน
นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า ประชาชนหมู่บ้านสะแล่ง หมู่ที่ 5 ตำบลเชียงแรง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา เข้าชื่อกันกว่า 500 รายชื่อยื่นหนังสือร้องเรียน เนื่องจากได้รับความเดือนร้อนจากการตั้งโรงงานแปรรูปยางพารา ทั้งนี้เนื่องจากโรงงานได้รับซื้อยางพาราจากนอกพื้นที่เข้ามาพักไว้ในโกดังพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ซึ่งแม้โรงงานได้เข้าชี้แจง และแก้ปัญหาบางส่วนให้กับชาวบ้านแล้วก็ตาม แต่ความกังวลใจเรื่องกลิ่น เสียง และการปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำลำคลองโดยไม่มีระบบการจัดการที่ดี อันอาจส่งผลต่อการอยู่อาศัยทำกินของชุมชนยังไม่คลี่คลาย จนเกิดการทำประชามติในชุมชนขึ้น
10 มีนาคม 2562 ผลการประชามติโดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาลงพื้นที่ตรวจสอบ สรุปผลว่า ชาวบ้านไม่อนุญาตให้โรงงานยางพาราดำเนินการต่อ แต่ 6 กันยายน 2565 ผู้ใหญ่บ้านกลับได้รับหนังสือจาก อบต. ซึ่งส่งมาจากอุตสาหกรรมจังหวัดพะเยา แจ้งว่าได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้บริษัทไทยลัมเฮง STR จำกัด จัดตั้งโรงงานยางพาราแปรรูปในพื้นที่แล้ว เหตุนี้จึงสร้างความกังขาสับสนสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก
“เรื่องลักษณะนี้เกิดในหลายพื้น ในจังหวัดพะเยาชาวบ้านได้รับผลกระทบและรวมตัวต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมมายาวนาน แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ทนไม่ไหวอีกต่อไป คือผลการประชามติไม่เอาโรงงานยางพารา แต่โรงงานยางพารากลับได้รับใบอนุญาตจัดตั้งจากกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง ในฐานะ ส.ส.พื้นที่ จึงขอถามไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่าปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ขอให้ทบทวนคำสั่งอนุญาตจัดตั้งที่มิชอบมาพากลดังกล่าว จนกว่าจะได้ข้อยุติอย่างโปร่งใสที่ทุกฝ่ายยอมรับได้เสียก่อน กรณีจังหวัดพะเยา ไม่ใช่พื้นที่เดียวที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ที่นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวจากหลายตัวอย่าง ที่เรื่องไม่โปร่งใส่ ไม่เห็นหัวประชาชนกำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศ” ประธาน ส.ส. เพื่อไทย กล่าว