นางสาว ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการแก้ไขราคาผลิตผลเกษตรกรรม เปิดเผยว่า การประชุม กมธ.ฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการแก้ปัญหาทุเรียนไปให้ข้อมูล หนึ่งในนั้นที่น่าสนใจ คือ หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนของโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ ซึ่งกำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.)ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับทุเรียนโดยเฉพาะนำมาใช้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นร่างที่กำหนดออกมาจากทุกฝ่าย คาดว่าจะเริ่มประกาศใช้ได้เดือนกุมภาพันธ์ 2566 หรือต้นฤดูทุเรียนภาคตะวันออกปีหน้า
นางสาว ญาณธิชา บอกอีกว่า สาระสำคัญของร่างดังกล่าว คือ ข้อกำหนดมาตรฐานที่โรงคัดบรรจุต้องดำเนินการ และอื่นๆ แต่ที่น่าจะเป็นประโยชน์โดยรวมของวงการทุเรียนไทย คือ บทลงโทษผู้กระทำผิดคือ จำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมแล้วไม่มีกฏหมายรองรับให้ทำงานเต็มที่ จึงมีผู้ประกอบการบางราย ไม่กลัวการกระทำผิด
ส่วนความคืบหน้า กรณีด่านตรวจพืชมุกดาหาร และด่านตรวจพืชนครพนม ตีกลับทุเรียนด้อยคุณภาพ(เพลี้ยแป้ง-ราดำ) และบรรจุไม่เต็มตู้ กลับไปที่ล้งใน จ.ชุมพร 2 ล้ง กมธ.ได้สอบถามการดำเนินงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อมูลว่า นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร มีคำสั่งย้ายหัวหน้าด่านตรวจพืชท่าเรือระนอง ที่เซ็นต์ผ่านให้ทุเรียน 2 ตู้ หลุดไปถึงด่านจังหวัดมุกดาหารและนครพนมก่อนถูกตีกลับ โดยเบื้องต้นให้ไปช่วยราชการที่กลุ่มบริหารโครงการวิจัย สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนกลุ่มหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทาง กมธ.ฯ จะติดตามต่อไปว่า จะมีบทลงโทษอย่างไร เพราะถือว่าเป็นขบวนการทำลายทุเรียนไทย
สำหรับเรื่องการสวมสิทธิ์ทุเรียนไทย ทาง กมธ.ฯ ยังไม่ได้พูดถึงมากนัก เนื่องจากประเทศเวียดนาม ส่งออกทุเรียนผลสดไปยังจีนได้แล้ว ซึ่ง กมธ.ฯให้ความสำคัญกับคุณภาพของทุเรียนก่อนออกจากไทย รวมถึงบทลงโทษ กับผู้กระทำผิดที่ต้องชัดเจน และรุนแรงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำรอยอีก