วันที่ 12 กันยายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง(นบมส.) ครั้งที่ 2/2565 พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน ที่ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์การผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทยปีนี้ คาดการณ์ว่าผลผลิตจะอยู่ที่ 35.8 ล้านตันหรืออาจต่ำกว่านี้ ซึ่งมีปริมาณความต้องการ 42.5 ล้านตัน สูงกว่าปริมาณการผลิ เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ปัจจุบันราคาหัวมันสดสูงขึ้นมาก ตลอดปีที่ผ่านมาอยู่ที่เฉลี่ย กิโลกรัมละ 3.15 บาท เพิ่มขึ้น 23% มันเส้น กิโลกรัมละ 9.20 บาท +21.8% แป้งมัน กิโลกรัมละ 17.10 บาท เพิ่มขึ้น 21% เพราะสถานการณ์ราคามันสำปะหลังปีนี้ดีมาก
สำหรับตัวเลขการส่งออก 7 เดือนแรกปีนี้ สามารถส่งออกได้แล้ว 22 ล้านตัน +14% เนื่องจากปริมาณไม่พอ จึงจำเป็นต้องนำเข้าส่วนนึง นำเข้ามาแล้ว 7 ล้านตัน สำหรับตลาดส่งออกของไทยที่ใหญ่ที่สุดคือ จีน 69% ญี่ปุ่น 8% อินโดนีเซีย 3% เกาหลี 2% เป็นมันเส้นประมาณ 40% แป้งมัน 60%
มติที่ประชุมวันนี้ เรื่องที่หนึ่ง การติดตามการเดินหน้าให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์มันสำปะหลัง ปี 64-67 ที่ประชุมมีมติให้ตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นระบบและเป็นรูปธรรมขึ้น 1)อนุกรรมการด้านการผลิต เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ตั้งปี 67 จะต้องได้ผลผลิตต่อไร่ไม่น้อยกว่า 5 ตัน ปัจจุบันทำได้เพียง 3.48 ตันต่อไร่ 2) ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศขึ้น ขณะนี้ตลาดต่างประเทศถือว่าทำได้ทะลุเป้าเพราะเป้าตั้งไว้ว่าจะต้องเป็น +3% แต่ทำได้ถึง 7% ส่วนตลาดในประเทศตั้งเป้าว่าราคาจะได้ไม่ต่ำกว่า 2.50 บาท แต่ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 3.15 บาท
และมติที่ประชุมเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 4 ต่อไป โดยเงื่อนไขเหมือนกับ 3 ปีที่ผ่านมาทุกประการ คือประกันรายได้กิโลกรัมละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน เริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค.-1พ.ย.66 จ่ายเงินส่วนต่าง 12 งวด งบประมาณ 4,743.5 ล้านบาท สำหรับเงินส่วนต่างถ้าต้องจ่าย แต่ขณะนี้ยังไม่ต้องจ่ายเพราะราคา 3 บาทกว่าแล้วเกินรายได้ที่ประกันที่กิโลกรัมละ 2.50 บาทอเป็นปีแล้ว และที่ประชุมเห็นชอบมาตรการคู่ขนานกับประกันรายได้
1)ช่วยดอกเบี้ย 3% กับเกษตรกรรายย่อย เพื่อกู้ไปใช้ในการปลูกมันสำปะหลังตั้งงบไว้ 41.4 ล้านบาท
2)ช่วยดอกเบี้ยสถาบันเกษตรกรที่เก็บสต๊อกมันสำปะหลังไว้ในช่วงที่มันออกเยอะ จะได้ไม่ทำให้ราคาตกตั้งงบไว้ 15 ล้านบาท
3)ช่วยดอกเบี้ย 3% ให้กับลานมัน โรงแป้งหรือโรงงานผลิตเอทานอล ในการนำไปแปรรูปเป็นมันเส้น แป้งมันหรือเอทานอล และเก็บสต๊อกไว้ 3-6 เดือน ตั้งวงเงิน 225 ล้านบาท ถ้าจำเป็นจะเพิ่มวงเงินให้อีกในอนาคต งบประมาณรวมกันมาตรการคู่ขนาน 291.4 ล้านบาท รวมประกันรายได้และมาตรการคู่ขนานเป็นเงิน 5,035.3 ล้านบาท จะได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไปโดยเร็ว
“ข่าวดีสำหรับตลาดส่งออกมันสำปะหลัง ขณะนี้ทูตพาณิชย์ไทย ประจำฟิลิปปินส์ประสานผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต้องการนำเข้ามันสำปะหลัง จำนวน 37 บริษัทมาเจรจากับผู้ส่งออกมันสำปะหลังไทย ซึ่งได้พบกัน ช่วงวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา และเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว ผมมอบหมายให้รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายกีรติ รัชโน รับผิดชอบบริหารจัดการเรื่องนี้ให้เกิดผล ซื้อขายได้โดยเร็วที่สุด ทั้งหมดนี้จะมีผลในการช่วยยกระดับราคามันสำปะหลังให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น“ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว