นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายรังสรรค์ สบายเมือง นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรัตน์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ นายปราโมทย์เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมให้การเห็นชอบ 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1. เห็นชอบให้ดำเนินการนโยบายประกันรายได้หรือโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 4 ซึ่งหลักเกณฑ์เหมือน 3 ปีที่ผ่านมาทุกประการ วงเงิน 86,740 ล้านบาท คาดว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าร่วมโครงการจำนวน 4.68 ล้านครอบครัว
กำหนดระยะเวลาการขึ้นทะเบียนสำหรับข้าวนาปี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-31 ต.ค.65 แต่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.65 -28 ก.พ.66 โดยจะมีการกำหนดราคาตลาดเพื่อกำหนดราคาทุก 7 วัน และจะจ่ายเงินส่วนต่าง(ถ้ามี) จำนวน 33 งวดงวดแรกเริ่มต้น 14 ต.ค.65 งวดสุดท้ายวันที่ 26 พ.ค.66
2.เห็นชอบมาตรการคู่ขนาน ซึ่งเป็นมาตรการที่จะนำมาใช้ในช่วงที่ข้าวประดังออกสู่ตลาดมาก และจากกระทบให้ราคาข้าวในตลาดราคาตก มี 3 มาตรการประกอบด้วย
1)ให้เกษตรกรชะลอการขาย ตั้งเป้าหมาย 2.5 ล้านตัน จะช่วยชดเชยตันละ 1,500 บาท
2) สำหรับสถาบันเกษตรกรที่ชะลอขายข้าวจะช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ตั้งเป้า 1 ล้านตัน
3)ช่วยโรงสีที่เก็บข้าวไว้ไม่ปล่อยออกสู่ตลาด จะช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3 เป้าหมาย 4 ล้านตัน รวมวงเงิน7,107 ล้านบาท
3.เห็นชอบให้ดำเนินการ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเรื่องต้นทุนและการบริหารจัดการข้าว หรือที่เรียกว่า ไร่ละ 1,000 รายละไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทจำนวน 4.68 ล้านครอบครัว วงเงิน55,364 ล้านบาท รวม 3 โครงการนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น 150,127 ล้านบาท
4.ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาในการแก้ปัญหาโครงการจำนำข้าวในอดีตที่ยังค้างคาอยู่ตั้งแต่ปีการผลิต 51/52 ถึง 65/67 ซึ่งโครงการจำนำข้าวที่ยังค้างคาอยู่มีทั้งหมด 7 โครงการ ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาในการแก้ปัญหาออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากข้าวที่เป็นปัญหาจากการจำนำข้าวยังระบายไม่หมดเหลืออีก 218,000 ตันโดยประมาณ และยังต้องเร่งรัดการดำเนินคดีต่อไปเพราะยังต้องดำเนินคดีทั้งหมด1524 คดี ซึ่งยังค้างอยู่บางส่วน จำเป็นต้องขยายเวลาออกไปเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทั้ง 2 ข้อ คือ เร่งระบายข้าวและเร่งดำเนินคดีทั้งหมด 1524 คดี จากโครงการจำนำข้าวให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งปี
5. ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ออกไปอีก 1 ปี เพื่อส่งเสริมให้มีการปลูกข้าวอินทรีย์ที่มีคุณภาพต่อไป
“ เรื่องสุดท้าย จะสั่งให้ที่ประชุมดำเนินการ 1.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 63-67 ที่เป็นความคืบหน้ารูปธรรมทุกครั้งที่มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ สามารถลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตเพิ่มรายได้ให้ชาวนาถึงไหนพันธ์ุข้าวที่เรากำหนดว่า 5 ปีจะเพิ่ม 12 พันธุ์ข้าวได้เพิ่มไปกี่พันธุ์ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์ข้าวไทย ที่จะไปแข่งขันในตลาดโลกต่อไปได้อย่างมีศักยภาพ
และเรื่องการจัดประกวดพันธุ์ข้าวซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรฯหรือกรมการข้าวกับกระทรวงพาณิชย์และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยร่วมมือกันจัดประกวดพันธุ์ข้าวเพื่อได้พันธุ์ข้าวใหม่ มาจดทะเบียนรับรองพันธุ์ ปีที่แล้วดำเนินการได้ 6 พันธุ์ และปีนี้จะดำเนินการอีกและจะเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ให้จับมือกันร่วมมือกันสนับสนุนให้บรรลุวัตถุประสงค์“ นายจุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ จะมีการนำเข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป ขณะที่กรมการค้าภายในได้ระบุว่า โครงการประกันรายได้ข้าวปี 2565/66
ประกันรายได้ข้าว 5 ชนิด ประกอบด้วย
1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกัน 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
2.ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกัน 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
3.ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาประกัน 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
4.ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกัน 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
5.ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกัน 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
โดยรายละเอียดข้าว 5 ชนิดยังเหมือนเดิม 3 ปีที่ผ่านมาประรายได้ข้าวสามารถช่วยเหลือชาวนาสำเร็จไปแล้วกว่า 90-100%
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้ประเทศไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้นเป็น 7-8 ล้านตัน