อ่านข่าวของฐานเศรษฐกิจแล้วอึ้งๆ และทึ่งสุดๆกับ ข้อความ “ปราโมทย์” นายกสมาคมชาวนา ยั๊วะ กรมการข้าว เด้งออกจากกรรมการรับรองพันธุ์ข้าว สั่งผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ สอบอธิบดีกรมการข้าวภายใน 15 วัน”
คือ..ท่านนายกสมาคมชาวนาฯ ท่านสุดยอดจริงๆครับ สั่งผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯสอบข้าราชการระดับอธิบดีได้ย่อมไม่ใช่ธรรมดา ปัญหาคือท่านเอาอำนาจสั่งการจากไหน❓
…ยิ่งอ่านยิ่งงงงงงงแล้วอุทานเบาๆว่า อีหยั๋งวะ…
เรื่องการพิจารณาข้าวพันธุ์ใหม่ที่ประชุมกันไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไรเพียงแต่คนที่เคยนั่งเป็นกรรมการเปลี่ยนไปจากอดีต
เรื่องนี้ นายกฤษ อุตตมะเวทิน โฆษกกรมการข้าว ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า กรมการข้าวยืนเคียงข้างพี่น้องชาวนาไทย ย้ำชาวนาต้องได้ประโยชน์สูงสุด
การประชุมพิจารณารับรองพันธุ์ข้าวในแต่ละปีนั้น จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆรวมไปถึงผู้แทนจากสมาคมต่างๆด้านข้าว ให้เข้ามาร่วมพิจารณาพันธุ์ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องด้านข้าวและใกล้ชิดกับพี่น้องชาวนา ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าวในแต่ละปี ซึ่งรวมไปถึงสมาคมต่างๆด้านข้าวที่เปรียบดั่งภาคีเครือข่ายที่กรมการข้าวได้มีการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
ในอดีตใครเคยนั่งเป็นกรรมการบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมชาวนาชาวไร่ สมาคมชาวนาอีสานสมาคมชาวนาและโรงสี สมาคมศูนย์ข้าวชุมชน(ประเทศไทย) สมาคมเกษตรกรไทย สมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก สมาคมชาวนาเศรษฐกิจพอเพียง สมาคมเครือข่ายชาวนาไทย และสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย
แต่ครั้งนี้…กรมการข้าวได้มีการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าวใหม่จำนวน 4 พันธุ์ ได้แก่ กข93 กข95 กข97 และ กข101 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย ผู้แทนคณะกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ ผู้แทนสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว ผู้แทนสมาคมค้าข้าวไทย ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย ผู้แทนกรมการค้าภายใน ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ รวมไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิด้านข้าว ตลอดจนผู้บริหารกรมการข้าว ร่วมเป็นกรรมการในการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าวในครั้งนี้
ดูกรรมการชุดใหม่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนะครับ มีศูนย์ข้าวชุมชน มีนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิด้านข้าว มีสมาคมต่างๆที่หลากหลายมากขึ้น
หากเราจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาข้าวให้เข้าสู่การแข่งขันในระดับต่างประเทศมากขึ้น เราต้องทำได้มากกว่าที่เคยเป็นมานั่นคือ โจทย์ ที่ถูกโยนหินถามทางทุกๆครั้ง
จริงๆเรื่องนี้ไม่น่าเป็นประเด็นแต่หากมองย้อนกลับไปเหมือนกรมการข้าวกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ที่นำโดยท่านนายกปราโมทย์เริ่มเดินกันคนละทางมากขึ้น
ในขณะที่บทบาทของศูนย์ข้าวชุมชนเริ่มเด่นชัดมากขึ้น หากพินิจเข้าไปถึงโครงสร้างและการถือกำเนิดของศูนย์ข้าวชุมชนย่อมมองเห็นเนื้อในที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกรมการข้าว เป็นเสมือนแม่กับลูก จึงไม่แปลกใจนักที่บทบาทและการส่งเสริมจากภาครัฐจะให้การช่วยเหลือมากขึ้น
ฤๅ…ศูนย์กลางชาวนาจะเปลี่ยนไป
แล้วข้าวนอกนาหละ…จะอยู่ตรงไหน
