วันที่ 28 เมษายน 2568 นายเพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความไม่พอใจต่อกระแสข่าวที่ระบุว่ายางพาราในตลาดมีปริมาณมาก โดยยืนยันว่าปริมาณยางในตลาดแทบไม่มีเลย และการยางแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติวงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อไล่ซื้อยางจากกลุ่มเกษตรกรต่าง ๆ พร้อมเตือนผู้ที่ล่าช้าอาจพลาดโอกาส เนื่องจากกยท.ก็มีลูกค้าเช่นกัน
นายเพิก ยังได้วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มที่ออกมาพูดในเชิงลบเกี่ยวกับสถานการณ์ยางพารา โดยระบุว่า “ไอ้พวกปากดีผีเจาะปากเงียบไว้รอสถานการณ์ใหม่ค่อยโผล่มานะ ตอนนี้ปล่อยให้คนทำงานเขาหารายได้ให้ชาวสวนยางก่อน”
ก่อนหน้านี้ นายเพิกได้ออกแถลงการณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เตือนผู้ประกอบการที่กดราคารับซื้อยางพารา ว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งสถานการณ์ราคายางพาราในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทย ส่งผลให้ราคายางในตลาดโลกปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม หลังจากสหรัฐฯ ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ภาษีออกไป 90 วัน ราคายางพาราในประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปรับขึ้นเป็น 60 บาทต่อกิโลกรัม นายเพิกยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่เอาเปรียบชาวสวนยาง และตั้งเป้าหมายผลักดันมูลค่ายางพาราให้ถึง 300,000 ล้านบาทภายในปี 2568 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวสวนยางกว่า 1.6 ล้านครัวเรือน
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของนายเพิกในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องผลประโยชน์ของชาวสวนยาง และการรักษาเสถียรภาพของตลาดยางพาราในประเทศ สำหรับสถานการณ์ดังกล่าว ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาอธิบายหรือชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีการอนุมัติงบประมาณ 2,000 ล้านบาทจากการยางแห่งประเทศไทย จึงต้องติดตามกันต่อไป