นายกรัฐมนตรี เผย ครม.อนุมัติต่อขยายโครงการคนละครึ่งเฟส 5 จำนวน 800 บาท เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 200 บาท ก.ย.-ต.ค.นี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีการอนุมัติโครงการช่วยเหลือเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายค่าครองชีพประชาชน ซึ่งเป็นการใช้กรอบวงเงินกู้ในปี 2564 และที่ผ่านมารัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยาด้านเศรษฐกิจให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย รายงานประกันสังคม ผู้ประกอบการผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกรกลุ่มเปราะบาง กว่า 45 ล้านคน วงเงิน 8 แสนล้านบาท
โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ อนุมัติเติมเงินผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ต หรือสมาร์ทโฟนได้ ผู้ที่ไม่สามารถใช้งานApplication เป๋าตังค์ และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง ไม่ช่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยจะมีการเพิ่มวงเงิน 200 บาทต่อ รวมเป็นวงเงิน 400 บาท ไปช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2565
และโครงการคนละครึ่งเฟส 5 จะให้ใช้สิทธิ์ 2 เดือนวงเงิน 800 บาทต่อคน โดยใช้ได้ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน ซึ่งทั้งสองโครงการจะเริ่มใช้สิทธิ์ ในวันที่ 1 กันยายน 2565 ซึ่งนอกจากจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ยังเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับฐานราก เมื่อมีการใช้จ่ายผู้ประกอบการรายย่อย จะได้มีรายได้จากการขายสินค้า เศรษฐกิจจะได้ไม่ติดขัดและเกิดเงินหมุนเวียนในระบบ สามารถขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่อง
โดยผู้ได้รับสิทธิสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม จากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น ซึ่งประชาชนที่ได้รับสิทธิ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินสนับสนุนที่ภาครัฐร่วมจ่ายตามโครงการดังกล่าวนี้ด้วย
ประเภทสินค้าและบริการ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ โดยไม่รวมสินค้าสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัลบัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือ บริการล่วงหน้า ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้สามารถกำหนดเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าและบริการของโครงการฯ ได้
ผู้ประกอบการ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
-ผู้ประกอบการร้านค้าสัญชาติไทย ที่เป็นร้านอาหาร /เครื่องดื่ม/ร้านค้าทั่วไป ไม่ใช่นิติบุคคล หรือร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง หรือวิสาหกิจชุมชน หรือ ร้านธงฟ้า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ จะต้องไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์
-ผู้ประกอบการบริการสัญชาติไทยที่ไม่ใช่นิติบุคคล ไม่เป็นผู้ประกอบการบริการของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง หรือวิสาหกิจชุมชน หรือเป็นผู้ให้บริการประเภทรถที่ตรวจสอบได้ เช่น รถสามล้อถีบเป็นต้น
-ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งสาธารณะสัญชาติไทย ที่ไม่ใช่นิติบุคคล เช่น แท็กซี่ รถสามล้อรถสองแถวรับจ้าง รถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
-ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะและเรือโดยสารสาธารณะ
คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังสื่อสารและประชาสัมพันธ์โครงการฯ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความเหมาะสมและความจำเป็น ที่ภาครัฐสนับสนุนวงเงินรวมชำระไม่เกิน 800 บาทต่อคน
โดยมีแผนการเริ่มดำเนินโครงการฯ รับสมัครประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าและบริการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม และประชาชนจะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนและใช้สิทธิโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565