วันที่ 25 ก.ค. ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง แถลงกรณีแพทย์รามาฯ 851 ราย ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนและเรียกร้องให้ปิดสภาวะกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศทันที ว่า ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการออกประกาศเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะการดูแลบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
ศุภชัย กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เรามีการตรวจสอบข้อมูลจากการที่เยาวชนนำ “กัญชา” ไปใช้เข้าสู่ระบบทางการแพทย์ ไม่ปรากฏว่า มีนัยอันสำคัญ หมายความว่าประกาศที่มีผลโทษทางอาญา สังคมมีส่วนช่วยกันให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้เป็นอย่างดี ส่วนที่ทางกลุ่มแพทย์เสนอมานั้นในฐานะประธานคณะกมธ. ขอขอบคุณคณะแพทย์ที่ได้แสดงความห่วงใย ยืนยันว่า สิ่งที่กลุ่มแพทย์เสนอกับสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องเดียวกัน คือห่วงใยบ้านเมือง ซึ่งหน้าที่ของตนและคณะ จะเร่งออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์อย่างรอบคอบรวดเร็ว เพื่ออุดช่องว่างที่ท่านเห็นว่ามีอยู่อย่างเร็วที่สุด
สถานการณ์นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไรกับสังคมและเยาวชน เกินไปกว่าที่สถานการณ์จะรับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.จะเร่งพิจารณาร่างกฎหมายกัญชา กัญชง ให้เสร็จโดยเร็ว ผมคิดว่าจากการพิจารณาภายในสิ้นเดือนนี้ ร่างกฎหมายนี้จะแล้วเสร็จเพื่อเสนอต่อสภาต่อไป นายศุภชัย กล่าว
ขณะที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะ กมธ. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ในทางที่ผิด มีการกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ว่ามิให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าถึงกัญชา ใครก็ตามที่ไปทำหน้าที่ในการจับกุมสามารถดำเนินคดีที่จำหน่ายให้เยาวชนได้ และด้วยมาตรการนี้เราได้นำข้อห่วงใยจากทุกคนมาบัญญัติไว้ในร่างกฎหมายอย่างรอบด้าน มีการประยุกต์ พ.ร.บ.ควบคุมสุรา และ พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบ มาใช้กับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กระทั่งการบัญญัติเรื่องการห้ามโฆษณา การทำการตลาด หรือสารที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ย้ำว่า ข้อห่วงใยเหล่านี้ถูกนำมาบัญญัติไว้แล้ว
เราไม่ได้อยู่ในช่วงสุญญากาศ เพราะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขเป็นระยะ อย่างน้อยมาตรการห้ามแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ห้ามจำหน่ายเยาวชน ให้มีความผิดทางกฎหมาย ที่แพทย์ห่วงใยเราได้ดำเนินการแล้ว และก่อนปลดล็อกกัญชาเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 ซึ่ง 1 เดือนก่อนหน้า เรามีผู้ต้องเข้ารับการบำบัดจากการใช้กัญญา 180 ราย แต่หลังจากนั้น การปลดล็อก 1 เดือน เรามีผู้ได้รับการบำบัดเหลือ 33 คน ลดลงกว่า 80% หมายความว่า การนำกัญชามาอยู่บนดิน และจัดการด้วกฎกติกาของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ สามารถควบคุมดูแลได้ดีกว่าก่อนวันที่ 9 มิ.ย. 65 ดังนั้น ขอให้ทุกคนวางใจว่าขณะที้เรามีความห่วงใยเยาวชน ขณะเดียวกัน ปลดล็อกเท่ากับเป็นการคุ้มครองผู้ป่วยจำนวนมากในการใช้กัญชาทางการแพทย์ นายปานเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีผลบังคับใช้เมื่อ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาและเนื่องจาก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภา และกระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการ 2 มาตรการ คือ
(1) การออกคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข เรื่อง แนวทางควบคุมเหตุรำคาญจากการกระทำให้เกิดกลิ่นหรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด มาตรการนี้กระทำได้แค่เพียงระงับการสูบนั้น ๆ ไม่ให้ส่งกลิ่นหรือควันรำคาญผู้อื่นเท่านั้น แต่จะไม่สามารถห้ามไม่ให้เด็กและเยาวชนสูบกัญชาได้เลย
(2) การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปลูกกัญชาในครัวเรือนมา“จดแจ้ง” ผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ”
แต่นโยบายนี้ทำได้เพียงการ “ขอความร่วมมือ” เพราะจะ “บังคับให้จดแจ้ง” ได้ต่อเมื่อพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … ผ่านการตราเป็นกฎหมายแล้วเท่านั้น
ดังนั้นขณะนี้หากผู้กรอกข้อมูลให้ข้อมูลเท็จ หรือให้ข้อมูลแล้วไม่ปฏิบัติตามนั้น เช่น จดแจ้งว่าปลูกเพื่อใช้รักษาโรคตนเอง แต่จริง ๆ นำช่อดอกไปสูบเพื่อความบันเทิง หรือนำไปใส่อาหารขายก็ไม่สามารถเอาผิดได้
จึงเรียกได้ว่าเกิด “ภาวะสุญญากาศ” คือ ไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่เพียงพอใด ๆ และต่อไปไทยอาจเป็น ประเทศที่กัญชาเสรีที่สุดในโลก ก็เป็นได้