ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการหารือกับ H.E. Mr. Zhang Zhili รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท ในการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 3 พร้อมด้วย นายถาวร ทันใจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมว่า การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านวิชาการและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเกษตรและอาหารระหว่างกัน
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เราได้มีการยกประเด็นการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยและจีน ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการเกษตรไทย – จีน (Sino – Thai Agricultural Technical Cooperation) ซึ่งมีการจัดการประชุมร่วมกันมาแล้ว 12 ครั้ง สามารถดำเนินโครงการความร่วมมือร่วมกันกว่า 70 โครงการ โดยทั้งสองประเทศจะใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีในการกระชับความร่วมมือด้านการเกษตรให้มากยิ่งขึ้น และมุ่งหวังในการประชุมครั้งที่ 13 ที่ฝ่ายจีนเป็นเจ้าภาพจะเป็นโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่าย สามารถผลักดันโครงการความร่วมมือด้นการเกษตรของทั้ง 2 ประเทศให้ความสำคัญ อาทิ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เกษตรอัจฉริยะ ระบบตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่เกษตรกร
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้ตรียมความพร้อมในการเยือนของนายกรัฐมนตรีในเดือนมกราคม 2568 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะในบริบทของการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการลงนามพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหารด้านการสัตวแพทย์ การปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากไทยไปจีน ร่วมกับ GACC ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ทำให้สามารถทำการส่งออกน้ำผึ้งรวมไปถึงนมผึ้ง (royal jelly) และเกสรผึ้ง (bee-collected pollen) จากไทยไปจีนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยสำหรับสินค้าเกษตร โดยมีมูลค่าส่งออก 11,271 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 42 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมทั้งหมด และมีมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินค้าเกษตรที่สำคัญ อาทิ ทุเรียน มันสำปะหลัง ยางพารา สำหรับสินค้าผลไม้ที่ไทยส่งออกไปจีนได้แล้วมีทั้งสิ้นจำนวน 22 รายการ และอยู่ระหว่างการขอยื่นการเปิดตลาดอีก 6 รายการ โดยขอให้จีนสนับสนุนและผลักดันให้การพิจารณาแล้วเสร็จ เพื่อการขยายตลาดของทั้งสองฝ่ายให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย