สับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยอีกชนิด ซึ่งในปี 2566 การส่งออกสับปะรดผลสดมีมูลค่าสูงถึง 913 ล้านบาท มีการขยายตัวมากถึง 299 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดกรมวิชาการเกษตร ได้ปรับปรุงและพัฒนา “สับปะรดพันธุ์ กวก. เพชรบุรี 3” จนสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง เนื้อแน่น นุ่มละเอียด สีเหลืองเข้ม รสชาติดี วิตามินซีสูง
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตร ซึ่งมีภารกิจหลักวิจัยและปรับปรุงพันธุ์พืช เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรและผู้บริโภคได้ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ “สับปะรด กวก. เพชรบุรี 3”
นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเกษตรไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาพืชผลที่สามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงและรสชาติดี เนื่องจากสับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยอีกชนิดหนึ่ง
ในปี 2566 การส่งออกสับปะรดผลสดมีมูลค่าสูงถึง 913 ล้านบาท มีการขยายตัวมากถึง 299 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ที่มีมูลค่าการส่งออกเพียง 229 ล้านบาท โดยมีจีนเป็นตลาดหลักในการส่งออกมีส่วนแบ่งการตลาด 86 เปอร์เซ็นต์
นางสาวมัลลิกา นวลแก้ว นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า “สับปะรดพันธุ์ กวก. เพชรบุรี 3” เป็นสับปะรดลูกผสมสายพันธุ์ SPPV#51 ได้มาจากการคัดเลือกลูกผสมระหว่างสับปะรดพันธุ์สิงคโปร์ปัตตาเวียและปัตตาเวีย โดยใช้วิธีการคัดเลือกสายต้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ได้สร้างประชากรลูกผสม
สำหรับการคัดเลือกจาก 3 คู่ผสม ได้แก่ สิงคโปร์ปัตตาเวีย×ปัตตาเวีย (SPPV), ปัตตานี×ปัตตาเวีย (PNPV) และตราดสีทอง×ปัตตาเวีย (TTPV) จนได้ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะเด่นตามที่ต้องการ คือ ให้ผลผลิต 7.20 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทองซึ่งเป็นพันธุ์เปรียบเทียบ 33 เปอร์เซ็นต์ ลักษณะผลใหญ่ ให้ปริมาณวิตามินซีสูงถึง 30.03 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทอง 23 เปอร์เซ็นต์ เนื้อแน่น นุ่มละเอียด สีเหลืองสวย รสชาติหวานหอม
สับปะรด กวก.เพชรบุรี 3 เป็นสับปะรดสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงและวิจัยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2539-2566 จึงได้พันธุ์ที่เหมาะสมต่อสภาพภูมิอากาศและดินในประเทศไทย อีกทั้งยังสามารถทนทานต่อโรคยอดเน่าและโรครากเน่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่มักพบในการเพาะปลูกสับปะรดทั่วไป ที่สำคัญสับปะรดพันธุ์ กวก.เพชรบุรี 3 ช่วยลดการใช้สารเคมีในการดูแลทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในปี 2567 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี มีต้นแม่พันธุ์ในสภาพแบบปลอดเชื้อ 3,000 ต้น ซึ่งจะสามารถขยายด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ 20,000 ต้น/ปี ในปี 2568 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี จะร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่นวางแผนการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพิ่ม 40,000 ต้น”
สับปะรดพันธุ์กวก. เพชรบุรี 3 จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจด้านการเกษตร เพิ่มรายได้และลดความเสี่ยงให้กับเกษตรกรไทย พร้อมทั้งเป็นต้นแบบของการพัฒนาพืชผลในอนาคตที่ยั่งยืนและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจการเกษตรของไทย
เกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี โทรศัพท์ 032-772-853