“กาแฟวังน้ำเขียว” (Greenery Coffee Ozone) หมายถึง กาแฟอาราบิก้า สายพันธุ์คาร์ติมอร์ F-7และกาแฟโรบัสต้า พันธุ์ชุมพร 2 ที่ปลูกที่ระดับความสูง 400 – 600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ด้วยกรรมวิธีการผลิตมาตรฐานเป็นกาแฟสาร และกาแฟคั่ว-บด กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI ) ” กาแฟวังน้ำเขียว” ปี 2561
การปลูก
1) คัดเลือกเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้าและเมล็ดพันธุ์กาแพโรบัสต้าที่มีคุณภาพ ปราศจากโรคแมลงศัตรูพืช และมีเปอร์เซ็นต์การงอกตามมาตรฐาน
(2) เพาะเมล็ดในแปลงที่เตรียมไว้โดยต้องแยกสายพันธุ์ทั้ง 2 ไม่ให้ปนกัน
3) เพาะต้นกล้าประมาณ 8 – 12 เดือน
(4) คัดเลือกต้นกล้าที่มีลักษณะแข็งแรงสมบูรณ์ รากตรงไม่คดงอ
(5) ขุดหลุมปลูกขนาด 50 x 50 เซนติเมตร มีความลึก 50 เซนติเมตร ระยะการปลูกพันธุ์อาราบิก้า 2.5 x 2.5 เมตร พันธุ์โรบัสต้า 3 x 3 เมตร และปลูกไม้ร่มเพื่อป้องกันแสงแดดและความร้อน
การดูแลรักษา
(1) กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
(2) ในระยะที่กาแฟยังไม่ติดผลควรใส่ปุ๋ยบำรุง เมื่อกาแฟเริ่มติดผลแล้วต้องใส่ปุ๋ยอย่างน้อย 3 ครั้งในช่วงต้น กลาง ปลาย ฤดูฝน การใส่ปุ๋ยขึ้นอยู่กับปริมาณการติดผลและขนาดการเจริญเติบโต
(3) คลุมโคนต้นทุกครั้งหลังใส่ปุ๋ยเพื่อไม่ให้ปุ๋ยถูกชะล้าง
(4) ตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ต้นกาแฟงาม แข็งแรง และให้ผลผลิตสม่ำเสมอ
(5) การให้น้ำ จัดทำระบบน้ำแบบหยด เพื่อให้น้ำในช่วงฤดูแล้ง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และงดให้น้ำตามระบบในช่วงฤดูฝนตามความเหมาะสม
ลักษณะภูมิประเทศ
อำเภอวังน้ำเขียวมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาและที่ลาดชัน เป็นลอนคลื่นสลับกันตลอดทั้งพื้นที่ในรูปกระทะคว่ำแต่มีพื้นที่บางส่วนเป็นที่ราบลุ่ม โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ยประมาณ 300 -700 เมตร มีลักษณะภูมิอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 23 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็นปกคลุมไปด้วยทะเลหมอก อุณหภูมิประมาณ 9 – 18 องศาเซลเซียส รวมทั้งมีฝนตกชกโดยปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,0000 – 1,300 มิลลิเมตรต่อปี และฤดูร้อนจะร้อนในระยะสั้นๆ อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 3 – 25 องศาเซลเซียส ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเช่นนี้ ทำให้อำเภอวังน้ำเขียวสามารถที่จะปลูกพืชผลไม้ได้เกือบทุกชนิด โดยเฉพาะพืชผลไม้เมืองหนาว และยังเหมาะกับการปลูกกาแฟที่มีคุณภาพและรสชาติที่ดีโดยการปลูกร่วมในพื้นที่ไม้ยืนต้น หรือพื้นที่ที่สามารถเป็นร่มเงาให้แก่กาแฟที่ปลูกได้เป็นอย่างดี
ประวัติความเป็นมา
พื้นที่อำเภอวังน้ำเขียวของจังหวัดนครราชสีมา มีการปลูกกาแฟอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่ได้เป็นที่แพร่หลายมากนัก ไม่มีผู้สนใจจะปลูกอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ.2553 ศูนย์เรียนรู้ฟ้าประทานฟาร์มเพื่อพัฒนาการเกษดรอย่างยั่งยืนของฟ้าประทาน ฟาร์ม ได้ทดลองปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งได้นำพันธ์มาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชสวนดอยมูเซอ จังหวัดตาก และศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชสวนดอยวาวี จังหวัดเชียงราย นำมาปลูกเป็นครั้งแรกบนพื้นที่ 70 ไร่ และปลูกกาแฟโรบัสต้า ได้นำพันธุ์จากการวิจัยพันธุ์ของศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดชุมพร ร่วมกับบริษัท เนสเล่ย์(ประเทศไทย) จำกัด นำมาปลูกเป็นครั้งแรก บนพื้นที่ 53 ไร่ เพื่อเปรียบเทียบการเจริญเติบโตการให้ผลผลิตของเมล็ดกาแฟต่อต้นตลอดจนขนาดของเมล็ด รสชาติของกาแฟคั่วบดของกาแฟพันธุ์อาราบิก้า และพันธุ์โรบัสต้า
จากการศึกษาวิเคราะห์กาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่ปลูก ปรากฏว่าภายในระยะเวลาไม่ถึงปี ต้นกาแฟเริ่มออกดอกและมีผลกาแฟติดต้น เมล็ดกาแฟเมล็ดค่อนข้างโต ได้มีการทดสอบคุณภาพ (Cup Test) แล้วปรากฏว่ามีกลิ่นหอม รสชาติเป็นที่ยอมรับ และจากการศึกษาวิเคราะห์ของกาแฟพันธุ์โรบัสต้า เก็บผลผลิตในช่วงปลายปี 2555 จากการทดสอบคุณภาพ (Cup Test) มีกลิ่นหอมน้อยกว่าพันธุ์อาราบิก้า จากความสำเร็จในการปลูกกาแฟที่วังนำเขียวของ ฟ้าประทาน ฟาร์ม ทำให้มีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมแปลงปลูก และมีเกษตรกรให้ความสนใจนำกาแฟจากฟ้าประทาน ฟาร์ม ไปปลูกในพื้นที่ของในเขตอำเภอวังน้ำเขียว จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ กาแฟวังน้ำเขียว ทั้งนี้ขอบเขตพื้นที่การผลิตกาแฟวังน้ำเขียว ครอบคลุมอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา