นายเอกภาพ พลชื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ความห่วงใยเกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “ยางิ” ในพื้นที่ภาคเหนือ
และทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน โดยมองถุงชีพให้แก่ประชาชนและเกษตรกรไปแล้ว จำนวน 5,205 ชุด และอาหารปรุงสุกพร้อมน้ำดื่ม 24,450 ชุด รวมทั้งมอบหมายเจ้าหน้าที่ให้เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเฉพาะหน้าทันที (ข้อมูล ณ 17 ก.ย. 67) ประกอบด้วยการ สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 2,289 เครื่อง เครื่องผลักตันน้ำ 617 ในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยระดมเครื่องมือเครื่องจักรและเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือในพื้นที่เตรียมเมล็ดพันธุ์พืชผักสำหรับแจกจ่ายให้แก่แกษตรกรหลังน้ำลด เช่น ผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง ให้กับเกษตรกร 48,562ราย 49,300 ของ และเตรียมหัวเชื้อราไตรโคเดอร์มา 7,560 ขวด และเชื้อราไตรโคเดอร์มาพร้อมใช้ 14,840 กิโลกรัม การให้ความช่วยเหลือด้านปศุสัตว์ อาทิ อพยพสัตว์ จำนวน 589,984 ตัว หญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน 522,203 กิโลกรัม ส่งเสริมสุขภาพสัตว์ (แร่ธาตุ/ยาปฏิชีวนะ วิตามิน) 22,742 ของ รักษาสัตว์ 7,275 ตัว ถุงยังชีพสัตว์ 165 พร้อมทั้งจัดตั้งสถานที่พักพิงสัตว์ชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์ ปศุสัตว์ และสัตว์เลี้ยงของประชาชน โดยมีสัตว์แพทย์และเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลสุขภาพสัตว์ให้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ รุ่น AS 350 และ BELL 407 และเครื่องบิน ชนิด CN 1 ลำ CASA 2 ลำ CN235 1 ลำ เข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมไห้การสนับสนุนการปฏิบัติการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกองบัญชาการกองทัพไทย ในการเข้าช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยพร้อมจัดชุดเฉพาะกิจพร้อมเจ้าหน้าที่ รถยนต์ เรือตรวจการประมง ช่วยนำส่งเสบียงอาหารและน้ำดื่ม ช่วยวยอพยพยพประชาชนและผู้ป่วยออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งสนับสนุนสถานที่ราชการเป็นที่พักพิงชั่วคราว เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนและเกษตรกรที่ประสบปัญหาจากอุทกภัย โดยสามารถรองรับผู้ประสบภัยได้จำนวน 100 คน และที่จอดรถชั่วคราวจำนวน 200 คัน
ส่วนมาตรการให้ความช่วยหลังน้ำลดได้มึการเตรียมพร้อมมาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยให้กับเกษตรกรกรในเขตปฏิรูปที่ดินโดยใช้เงินกองทุนปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร ส่วนเพื่อที่นอกเขตจะมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้งขณะเดียวกันยังจะมี การแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชและพันธ์สัตว์ให้แก่แกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้หลังน้ำลดอย่างต่อเนื่องส่วนเกษตรกรนอกพื้นที่
นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ว่า สถานการณ์น้ำโขงที่เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่จังหวัดหนองคายที่ผ่านมา ก.เกษตรฯ โดยกรมชลประทานได้มีมาตรการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ มีการเตรียมเครื่องมือเครื่องจักรเพื่อระบายน้ำซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำล้นตลิ่งเหลือเพียง 60 ชม. และมีแนวโน้มลดลงอย่างตอเนื่อง สำหรับมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลดในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้ถอดบทเรียนจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยจะปรับปรุงวิธีการดำเนินงานและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานหลัก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. 2567 – ปัจจุบัน โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านเกษตรพบว่า มีพื้นที่ประสบภัย 43 จังหวัด กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 27 จังหวัด และยังคงมีสถานการณ์อยู่ 16 จังหวัด ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการเร่งสำรวจความเสียทายภายภาคการเกษตร(ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ย. 67) ประกอบด้วย 1) ด้านพืชมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็น ข้าว พืชไม่’พืชผัก และไม้ผลไม้ยืนต้น รวม 948,754.64 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 153.565 ราย 2) ด้านประมง มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ แบ่งเป็น บ่อปลา บ่อกุ้ง รวม 9,538.98 ไร่ กระชัง 81,005 ตร.ม. เกษตรกรได้รับผลกระทบ 9,805 ราย และ 3) ด้วนปศุสัตว์ มีจำนวนสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็น โค กระบือ สุกร แพะ/แกะสัตว์ปีก รวม 3,568,339 ตัว เกษตรกรได้รับผลกระทบ 60,578 ราย