ARDA โชว์นวัตกรรมสมุนไพรไทย สกัดสารจาก “เห็ดกระถินพิมาน”สุดยอดเห็ด 4.0 ต้านไขมันในหลอดเลือด ต้านสิว เพื่อผิวสวย

ARDA: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สนับสนุนทุนวิจัยแก่คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สร้างนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงเส้นใยเห็ดเฟลลินัส หรือเห็ดกระถินพิมาน เดินหน้าสกัดสารพอลิแซ็กคาไรด์และพัฒนานวัตกรรมยาแคปซูลต้นแบบออกฤทธิ์ต้านไขมันในเส้นเลือด ลดอ้วน ต้านสิว ผิวสุขภาพดี ต้านกลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่เป็นปัญหาสุขภาพและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประชากรไทย สำหรับต่อยอดสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรม BCG ด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับสำหรับการก้าวเข้าสู่การแข่งขันในระดับสากลได้อย่างยั่งยืน

         

ภาพสวก1

ดร. วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า ARDA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดสมุนไพรเพื่อให้ได้สารสกัดจากเห็ดกระถินพิมานที่มีสารสำคัญสูงที่ช่วยลดการสะสมและกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาชีววัตถุหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ด้วยกระบวนการที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงน้อยกว่าเคมีสังเคราะห์ โดยโครงการนี้ขับเคลื่อนตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้แผนเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นพัฒนาเศรษฐกิจและเกษตรสมัยใหม่เพื่อสร้างมูลค่าสูง “ทำน้อย ได้มาก”

ภาพสวก2

         

ปัจจุบันตลาดสมุนไพรได้รับความนิยมและมีการนำไปใช้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น มูลค่าการบริโภคสมุนไพรของโลกสูงถึง 54,957 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก มีมูลค่าการบริโภคสมุนไพร 1,483.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ทั้งการบริโภคสดและแปรรูปเป็นอาหารอาหารเสริม สมุนไพรยังถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพอันดับ 1 ของประเทศไทยและของโลก อีกทั้งยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Noncommunicable diseases; NCDs) ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประชากรไทย โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคเบาหวานรายใหม่รอบ 5 ปี จำนวน 1.5 ล้านคน และโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ 2 ล้านคน ดังนั้นการลดอัตราการเกิดโรคกลุ่มนี้เพียงร้อยละ 10 จะช่วยลดงบประมาณการรักษาลงได้ถึง 7 หมื่นล้านบาทต่อปี (สวรส.,2564) 

ภาพสวก3

         

สำหรับโครงการ “การเพิ่มศักยภาพการผลิตสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์พร้อมใช้ที่ได้มาตรฐานปริมาณมากจากเส้นใยของเห็ดเฟลลินัสที่ได้จากการเพาะเลี้ยง และการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมแคปซูลพิชิตไขมันและเวชสำอางสเปรย์บำรุงผิวหน้าและต้านสิวเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจตามแนวทาง BCG Model (โครงการระยะที่ 3) เป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่ ARDAให้การสนับสนุนทุนวิจัยมา 3 ระยะ ดังนี้

ภาพสวก4

การดำเนินโครงการวิจัยระยะที่ 1 (ปี 2563) สามารถศึกษาและเพาะเลี้ยงเส้นใยเห็ดทำให้ได้กรรมวิธีการผลิตสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์พร้อมใช้จากห้องปฏิบัติการ และผ่านการทดสอบเอกลักษณ์ทางเภสัชเวทว่ามีปริมาณสารออกฤทธิ์เชิงหน้าที่ (Functional ingredient)ในการป้องกันและควบคุมภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นรายแรกของประเทศไทย มีปริมาณพอลิแซ็กคาไรด์และเบตา-กลูแคนและความหลากชนิดของมอโนแซ็กคาไรด์สูงกว่าที่พบในดอกเห็ดธรรมชาติ นอกจากนี้ยังผ่านโดยการทดสอบแล้วว่าไม่แสดงความเป็นพิษต่อเซลล์ร่างกาย มีฤทธิ์ต้านการสะสมหยดไขมันภายในเซลล์ไขมัน นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ

  

ภาพสวก5

การดำเนินโครงการวิจัยระยะที่ 2 (ปี 2565) เป็นการวิจัยการประเมินผลความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์จากโครงการที่ 1 ในการยับยั้งการสะสมลิพิดในเซลล์ไลน์ไขมันและในหนูแรทที่มีภาวะอ้วนและไขมันในเลือดสูง กลูโคสในเลือดสูง และไขมันสะสมตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ภายหลังการได้รับอาหารที่พัฒนาขึ้น และใช้เทคนิคจีโนมิกส์และเทคนิคอนุพันธุศาสตร์ในตับ สมัยใหม่พบว่า สามารถออกฤทธิ์ต้านการสร้างอาหารไขมันสูง  ซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่ในการป้องกันการสร้างและสะสมไขมันในเซลล์ร่างกาย และป้องกันการเกิดไขมันพอกตับ ลดการอักเสบของตับเนื่องจากมีไขมันพอกตับสูง นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ ซึ่งสามารถขึ้นทะเบียนกับ อย. เพื่อต่อยอดเป็นยาชีววัตถุและจดแจ้งเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางบำรุงผิวหน้า

ภาพสวก6

การดำเนินโครงการวิจัยระยะที่ 3 (ปี 2567) พัฒนาต้นแบบนวัตกรรมยาแคปซูลต้านไขมันและสเปรย์บำรุงผิวหน้าและต้านสิวอักเสบ ด้วยการเพิ่มศักยภาพการผลิตสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์พร้อมใช้ที่ได้มาตรฐานสากลในปริมาณมากจากเห็ดเฟลลินัส พร้อมควบคุมคุณภาพ และศึกษาความคงตัวของยาแคปซูลตามเกณฑ์เภสัชตำรับเพื่อต่อยอดเส้นใยเพาะเลี้ยงและพัฒนานวัตกรรมการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อนำไปต่อยอดการทดสอบทางคลินิกในระยะที่ 4 โดยจะนำต้นแบบนวัตกรรมยาแคปซูลและสเปรย์บำรุงผิวหน้าไปทดลองประสิทธิภาพและความปลอดภัยทางคลินิกในอาสาสมัครสำหรับต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในปี 2569

ภาพสวก7

         

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.พนิดา เล้าชาญวุฒิ หัวหน้าคณะวิจัยฯ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า “จากการที่ทีมผู้วิจัยได้ทำงานร่วมกับทีมแพทย์ นักวิจัย และผู้ป่วย พบว่าอยากให้นักวิจัยไทยร่วมกันวิจัยผลิตชีววัตถุจากธรรมชาติ เพื่อป้องกันรักษาโรคอ้วนและภาวะไขมันในเลือดสูงจากเห็ดสกุลเฟลลินัสเพราะเป็นเห็ดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในฐานะยาสมุนไพร การวิจัยในครั้งนี้หัวใจหลักจะอยู่ที่การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพในกระบวนการเพาะเลี้ยงและสกัดสารสำคัญให้ได้ปริมาณมากกว่าดอกเห็ดในธรรมชาติและได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อสร้างเป็นเกษตรมูลค่าสูงสำหรับเจาะตลาดเห็ดสุขภาพเชิงพาณิชย์ ซึ่งในประเทศไทยยังไม่เคยมีงานวิจัยที่ศึกษาสภาวะและปัจจัยในกระบวนการเพาะเลี้ยงเส้นใยของเห็ดเฟลลินัสในปริมาณมาก และนำมาใช้ประโยชน์ในด้านนี้มาก่อน เนื่องจากต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา และวัสดุและสารเคมีที่มีราคาสูง ต้องขอขอบคุณ ARDA ที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนทุนวิจัย ซึ่งมั่นใจว่าเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมวงการสมุนไพรอย่างแน่นอน นอกจากนี้ทางคณะวิจัยยังมีแผนจะนำเส้นใยเห็ดที่ได้จากห้องปฏิบัติการกลับคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อคงความอุดมสมบูรณ์และช่วยเพิ่มปริมาณเห็ดในธรรมชาติ”

ภาพสวก8