นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมการประชุมหารือกับนาย Li Erli รองผู้อำนวยการกรรมาธิการเกษตรนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับสำนักงานกรรมาธิการเกษตรนครเซี่ยงไฮ้ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือในประเด็นความร่วมมือภาคการเกษตรในภาพรวม โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาภาคการเกษตรด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ในการเพิ่มผลผลิต รับรองคุณภาพมาตรฐาน และยกระดับช่องทางการจัดส่งและจำหน่าย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสังคมปัจจุบันที่มี รวมถึงความซับซ้อนในบริบทจำนวนประชากร รสนิยม และโครงสร้างรายได้ต่อหัว
ทั้งนี้ นายเศรษฐเกียรติ ระบุว่า ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือด้านการเกษตรอย่างแน่นแฟ้น เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยนครเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในประเทศ ชาวเซี่ยงไฮ้มีรสนิยมในการบริโภคสินค้าเกษตรที่สดใหม่และมีคุณภาพ ด้วยนโยบายการเพิ่มรายได้เกษตรกรขึ้นเป็น 3 เท่าใน 4 ปีของรัฐบาล จึงส่งผลให้นครเซี่ยงไฮ้เป็นตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรที่ประเทศไทยควรให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังได้ชื่นชมรัฐบาลท้องถิ่นนครเซี่ยงไฮ้ในการบริหารจัดการภาคการเกษตรได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการเพิ่มผลผลิต อาทิ การใช้นวัตกรรมการเกษตร ทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งไทยควรเรียนรู้และศึกษานวัตกรรมดังกล่าว และนำมาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังให้แสดงความสนใจในการพัฒนาด้านการผลิตและการค้าสินค้าประเภทผ้าไหมกับสำนักงานกรรมาธิการเกษตรนครเซี่ยงไฮ้ โดยได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของกรมหม่อมไหม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของไทย เป็นสินค้าที่มีศักยภาพทางการตลาดเป็นอย่างยิ่ง
ด้าน นาย Li Erli กล่าวแสดงความยินดีที่คณะผู้บริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาหารือด้านการพัฒนาภาคการเกษตร ณ นครเซี่ยงไฮ้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับนครเซี่ยงไฮ้ และได้นำเสนอสถานการณ์การค้าและการบริโภคสินค้าเกษตรของนครเซี่ยงไฮ้ รวมถึงการได้รับรางวัลระดับชาติในโครงการด้านการวิจัยเทคโนโลยีการเกษตร จำนวน 6 โครงการ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี ฉบับที่ 13 ของรัฐบาลกลาง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านครเซี่ยงไฮ้จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงในการพัฒนาภาคการเกษตร แต่นครเซี่ยงไฮ้ยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากต่างประเทศ เนื่องจากสินค้าเกษตรที่ผลิตได้เพียงพอต่อจำนวนประชากรร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดของนครเซี่ยงไฮ้เท่านั้น จึงถือเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากของประเทศไทย
