ดอกทานตะวัน เป็นไม้ดอกที่ไม่ได้มีแค่ความงามของสีเหลืองจัดจ้าน แต่ยังมีน้ำมันเยอะมาก จนถูกจัดอันดับเป็นพืชที่ให้น้ำมัน Top 5 กันเลย ความน่าสนใจของดอกไม้ชนิดนี้คือความมีประโยชน์รอบด้าน จะปลูกทำสวยในบ้าน จะปลูกเป็นทุ่งให้บานเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวก็ได้ และยังนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นขนมเป็นอาหารเสริมและเครื่องสำอาง และยังสามารถเอามาสกัดทำน้ำมันได้ด้วย ด้วยประโยชน์ที่มากมายขนาดนี้ เลยทำให้มีความต้องการในตลาดสูงมาก
เรื่องเมล็ดพันธุ์มีจำหน่ายจ่ายแจกอยู่ทั่วไป แนะนำให้ใช้พันธุ์ที่ทางรัฐแจกให้ซึ่งเขาแจกทุกปีอยู่แล้ว ส่วนการเตรียมที่ดินให้ไถดะกันก่อนที่จะหว่านเมล็ด โดยทั่วไปถ้าปลูกโดยการหว่านจะใช้เมล็ดพันธุ์ไร่ละประมาณ 1 กิโลกรัม แต่ถ้าปลูกแบบหยอดหลุม เตรียมดินยกแปลงให้เป็นแนวก่อน แล้วหยอดเมล็ดพันธุ์ 1-2 เมล็ดต่อหลุม ก็จะใช้เมล็ดลดลงได้ประมาณร้อยละ 20 และยังทำให้ต้นดอกทานตะวันตั้งตรงเป็นแนวทำให้ดูแลง่ายแล้วให้น้ำทันที เว้นแต่ว่าฝนเพิ่งตกเท่านั้น
หลังจากปลูกแล้ว 10 วันก็ต้องให้น้ำเพิ่ม สังเกตจากตอนที่ดอกเริ่มผลิ และพอตาดอกเริ่มแตกก็ให้น้ำอีกครั้ง แล้วทิ้งช่วงไปให้อีกทีก็ราวๆ 55 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกโตเต็มที่ พอเริ่มติดเมล็ดก็ต้องให้น้ำสม่ำเสมอพอชุ่ม อย่าให้เอ่อขัง ระหว่างนั้นก็ต้องดูแลอย่าให้วัชพืชมารบกวนต้นดอก
แม้ว่าต้นดอกทานตะวันจะทนแล้ง ทนแดด แต่ไม่ได้ทนได้ทุกอย่าง นก แมลง เราก็ต้องระวังกัน วิธีที่ดีที่สุดก็ใช้สารชีวภาพเข้าช่วย ดีต่อต้นดอกและดีต่อตัวเกษตรกรด้วย และเรื่องน้ำสำคัญอย่าให้น้ำขังเด็ดขาด เพราะโรครากเน่าจะตามมาในทันที
พอดูแลอย่างดีแล้วเราก็จะได้เวลาเก็บเกี่ยวกัน เมื่อดอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ก็บ่งบอกถึงความอิ่มตัวในการผลิตน้ำมันของดอกทานตะวัน เราจึงต้องรีบเก็บเกี่ยว แล้วนำมาตากให้แห้งสนิท หรือเกษตรกรมีเครื่องนวดเกี่ยว ก็นำเอารถเกี่ยวมาเก็บเกี่ยวเพื่อจะได้สีเมล็ดทานตะวัน และบรรจุกระสอบกันไป แล้วเก็บเพื่อเตรียมนำไปสกัดน้ำมันหรือส่งขายต่อให้แก่ผู้ผลิตน้ำมันเมล็ดทานตะวันกันต่อไป
ดอกทานตะวันถือว่าเป็นพืชที่ใช้ต้นทุนไม่มาก ใช้เวลาในการดูแลน้อย และยังมีโรงงานรอรับซื้อผลผลิตอยู่ แม้ว่าจะมีราคาไม่สูงมากนัก แต่ก็ยังนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง