รัฐมนตรีเกษตรย้ำชัดปศุสัตว์ไทย มีมาตรการพร้อมรับโรคปากและเท้าเปื่อย ขอเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือ อย่าตระหนก มั่นใจและทำตามอย่างเคร่งครัด
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ใกล้ถึงเทศกาลอีฎิลอัดฮาในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งตามประเพณีของชาวมุสลิมจะมีการเชือดสัตว์ เช่น โค แพะ แกะ อูฐ หรือทำกุรบาน เพื่อเอาเนื้อไปแจกกับคนยากจน ทำให้มีความต้องการโคจำนวนมากในช่วงเวลานี้
แต่เนื่องจากขณะนี้ประเทศอินโดนีเซีย พบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในหลายจุดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ประเทศอินโดนีเซียต้องเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการนำเข้าสัตว์เพื่อลดโอกาสจากการนำสัตว์ที่ติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยเข้าสู่ประเทศ
จากสถานการณ์ข้างต้น ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญส่งออกโคไปยังประเทศอินโดนีเซียประกอบกับราคาโคในปีนี้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อาจทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือ รวมถึงชาวมุสลิมของไทย มีความกังวลต่อเรื่องดังกล่าว จึงขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือมั่นใจและอย่าตระหนก กรมปศุสัตว์ได้มีมาตรการควบคุมโรคปากและเท้าเปื่อยเพื่อลดอุบัติการณ์และได้มีการดำเนินการมาอย่างเข้มงวดต่อเนื่องโดยตลอด
ด้านนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลรายงานสถานการณ์การเกิดโรคปากและเท้าเปื่อยจนถึงปัจจุบัน ในประเทศไทยยังคงสถานการณ์ปกติ และไม่พบการแพร่ระบาดในวงกว้าง กรมปศุสัตว์ได้มีมาตรการในด้านต่างๆ เพื่อควบคุมป้องกันโรคอย่างครอบคลุมต่อเนื่อง เช่น ระบบเฝ้าระวังโรคสามารถตรวจจับโรคได้อย่างรวดเร็ว โดยมีเครือข่ายและอาสาปศุสัตว์ทั่วประเทศ มีระบบการแจ้งและรายงานโรคออนไลน์ผ่านระบบ E-Smart Surveillance
ดังนั้นหากเกษตรกรพบสัตว์แสดงอาการผิดปกติสามารถแจ้งโรคได้ทันที มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยให้สัตว์กลุ่มเสี่ยง ซึ่งดำเนินการในโคนมปีละ 3 ครั้ง และโคเนื้อ กระบือ แพะ แกะปีละ 2 ครั้ง
โดยในปีงบประมาณ 2565 นี้ ดำเนินการได้ครบตามเป้าหมายแล้ว รวมจำนวนโค กระบือแพะ แกะ ได้รับการฉีดแล้วจำนวน 5,468,945 ตัว
มีการตั้งด่านเพื่อตรวจคัดกรองอาการสัตว์ที่เคลื่อนย้าย ชะลอการเคลื่อนย้ายสัตว์ในพื้นที่ที่มีการพบโรคเพื่อลดการแพร่กระจาย รวมถึงโคที่ส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆ ต้องเป็นโคมาจากฟาร์มปลอดโรคฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย และกักสัตว์เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนการเคลื่อนย้ายการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางป้องกันและควบคุมโรค ตลอดจนการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัย รณรงค์การทำลายเชื้อโรคจุดเสี่ยงต่างๆ เช่น ตลาดนัดค้าสัตว์ คอกกักสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ ศูนย์รับนมและสหกรณ์โคนม
การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อค้นหาสัตว์ป่วยและร่วมควบคุมโรค การเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสเพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกใช้ seed วัคซีน และที่สำคัญคือมีการแก้ปัญหาแบบยังยืน โดยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของวัคซีนให้ดียิ่งขึ้น และส่งเสริมการป้องกันโรคเข้าฟาร์ม ให้ปรับระบบการเลี้ยงสัตว์ให้มีมาตรฐาน โดยการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านปศุสัตว์(Good Agricultural Practice ; GAP) หรือการรับรองระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management ; GFM) รวมถึงการรับรองสถานภาพฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย การสร้างพื้นที่ปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย จึงทำให้มั่นใจได้ว่าโค กระบือ แพะ แกะ ในประเทศไทยมีโอกาสน้อยมากที่จะนำเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ท้ายที่สุดนี้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ขอให้เกษตรกรมั่นใจในมาตรการควบคุมป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยและขอความร่วมมือให้ดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด วอนอย่าตระหนกและคอยสังเกตอาการของสัตว์เป็นประจำ
หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที หรือแจ้งได้ที่ call center โทร. 063-225-6888 หรือที่แอปพลิเคชัน DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง